ยังเป็นปมร้อนที่ต้องติดตามภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรองผล ส.ส.จำนวน 500 คนอย่างเป็นทางการ ทำให้กระบวนการทางการเมืองต่างเริ่มขยับตามวันเวลาทั้งในการเลือกตั้งประธานสภาฯ รวมถึงการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นการยากยิ่งที่พรรคสีส้มจะก้าวผ่านกระบวนการเหล่านี้ไปได้อย่างง่าย เนื่องจากยังมีปมร้อนเกี่ยวการกระทำที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียน โดยเฉพาะ 3 ปมร้อนหลักที่อาจเป็นบ่วงรัดนายพิธา และพรรคก้าวไกลที่อาจทำให้ไม่ถึงฝั่งฝัน โดยประกอบไปด้วย
1.คำร้องของ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ส่งจดหมายทางไปรษณีย์ EMS ถึง กกต. ขอให้ส่งเรื่องกรณีสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธาสิ้นสุดไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ที่ระบุว่า ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามวรรคหนึ่งได้ด้วย
ทั้งนี้คำร้องนายเรืองไกรอ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 82 ที่ระบุว่า ส.ส.หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) (5) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (12) หรือมาตรา 111 (3) (4) (5) หรือ (7) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคําร้อง ส่งคําร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองยังระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อได้รับเรื่องไว้พิจารณาหากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยแล้ว ให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคําวินิจฉัยนั้นไปยังประธานแห่งสภาที่ได้รับ คําร้องตามวรรคหนึ่ง
ยิ่งไปกวานั้นรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสามระบุชัดเจนว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง มิให้นับ ส.ส.หรือ ส.ว.ซึ่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสอง เป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา