จากกรณี นายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม.เขตทวีวัฒนา-ตลิ่งชัน พรรคก้าวไกล ถูกแฟนสาวแจ้งความเอาผิดกรณีทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมา นายสิริน ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอโทษ พร้อมระบุว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และการสอบสวนวินัยจากพรรคก้าวไกล และน้อมรับผลที่ตามมาจากการกระทำที่ปราศจากความยั้งคิด
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. (3 ก.ค.66) พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผู้กำกับการ สภ.บ่อวิน เปิดเผยว่า หลังจากพนักงานสอบสวนแจ้งไปยังคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้เดินทางมาที่ สภ.บ่อวิน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค. นายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม. เขตทวีวัฒนา-ตลิ่งชัน พรรคก้าวไกล พร้อมแฟนสาว ได้เดินทางมาถอนแจ้งความทั้งหมดที่ สภ.บ่อวิน ประกอบด้วยคดีทำให้เสียทรัพย์ และคดีทำร้ายร่างกาย โดยในส่วนของคดีทำให้เสียทรัพย์สามารถยอมความได้ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
ส่วนคดีทำร้ายร่างกายเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ถึงแม้ฝ่ายหญิงจะแจ้งว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน หรือไม่ติดใจเอาความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามคู่กรณีทั้งสองฝ่ายยิมยอมที่จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยเป็นการตกลงกันเอง ซึ่งจะมีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยเหลือในการเจรจาต่อรอง ก่อนที่จะทำบันทึกส่งพนักงานสอบสวน และหลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำบันทึกส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ต่อไป
มีรายงานว่า หลังแจ้งความ แฟนสาวของ นายสิริน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า วันนั้นมีปากเสียงกันแล้วเกิดการยื้อแย่งโทรศัพท์กันในรถ จนโทรศัพท์มากระแทกหน้าดิฉันอย่างแรง ซึ่งเป็นการกระทำโดยมิได้ตั้งใจ และยังมีเหตุการณ์ยื้อฉุดกันบริเวณข้างรถ ทำให้ดิฉันเผลอล้มกระแทกลงจนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผล อีกทั้งคุณสิรินยังใช้คำพูดและอารมณ์ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันจึงตัดสินใจไปแจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง และต้องการให้คุณสิรินได้สำนึกว่าตนเองทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
แต่หลังจากไปแจ้งความแล้ว คุณสิรินติดต่อมาหาโดยแสดงความสำนึกผิด ทำให้ดิฉันและครอบครัวไม่ติดใจเอาความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหวังว่าบทเรียนที่เขาได้จากสังคม จากการถูกแจ้งความ รวมถึงบทลงโทษที่เขากำลังจะได้รับจากพรรคก้าวไกล จะเพียงพอทำให้คุณสิริน และนักการเมืองทุกคนตระหนักว่าการใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลไม่ว่าต่อเพศใด โดยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตาม เป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ และผู้กระทำผิดจะต้องได้รับผลจากการกระทำนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง