“อัษฎางค์” ซัดรัว “อ.สมชาย” พล่านหนัก มช.ห้ามกิจกรรมก้าวล่วงสถาบันฯ

"อัษฎางค์" ซัดรัว "อ.สมชาย" พล่านหนัก มช.ห้ามกิจกรรมก้าวล่วงสถาบันฯ

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า “อาจารย์สอนกฎหมายมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอันดับ 1 พูดเหมือนไม่เคยเรียนวิชากฎหมายมาเลย”
ก่อนอื่น ขอกราบประทานโทษไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับ มช.ตั้งแต่ท่านอธิการบดี คณบดี อาจารย์และนักศึกษานิติศาสตร์และนักศึกษาของ มช. ทุกท่าน เพราะมันพาลให้คิดกังวลไปถึงลูกศิษย์ นิติศาสตร์หรือ นศ. มช.ทุกคนที่เรียนวิชากฎหมายเป็นวิชาบังคับ จะมีคุณภาพแค่ไหนอย่างไร !

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีเศษ เกิดคดีความเรื่องอาจารย์และนักศึกษามีเดียอาร์ต คณะวิจิตรศิลป์ ของมหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมที่อ้างว่า เป็นกิจกรรมในหลักสูตรและเป็นกิจกรรมประกอบวิทยานิพนธ์ ทั้งที่ความจริง ในช่วงเวลาดังกล่าว สถาบันการศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ รวมทั้ง มช.งดการเรียนการสอนและกิจกรรมทุกประเภท โดยจัดให้มีการเรียนการสอนออนไลน์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด แต่อาจารย์และนักศึกษากลุ่มหนึ่งกลับฝ่าฝืนคำสั่งของมหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ยังมีการบุกและงัดประตูหอศิลป์ เพื่อจะเข้าไปจัดกิจกรรม ที่อ้างว่าเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร ทั้งที่ภาพที่ปรากฎในข่าว เป็นการกิจกรรมทางด้านการเมือง เช่น มีการทำธงชาติที่ไม่มีสีน้ำเงิน อันหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายร้ายแรง ฯ

ผ่านมากว่า 2 ปี เรื่องบุกรุกหอศิลป์ ยังเป็นคดีความในศาล ล่าสุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกประกาศเรื่องการขออนุญาตจัดกิจกรรมการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัย หนึ่งในเงื่อนไข “ห้ามพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม”

ทำให้ อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเคยเป็นอดีตคณบดี ออกมาวิพาษวิจารณ์ว่า ประกาศของ มช.ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ โดยย้ำลมหายใจของมหาวิทยาลัยคือเสรีภาพ ถ้ามหาวิทยาลัยไหนไม่มีเสรีภาพ ก็ไม่ต่างจากวัดเก่าๆ ที่ไม่มีคนเข้า

3 ก.ค. 2566 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกประกาศฉบับใหม่เรื่อง “การขออนุญาตใช้พื้นที่จัดกิจกรรมการชุมนุมตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่” เพื่อยกเลิกประกาศฉบับเก่าเรื่อง “การจัดกิจกรรมทางการเมืองของนักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ วันที่ 19 ส.ค. 2563”

โดยประกาศการขออนุญาตจัดกิจกรรมการชุมนุมฯ ฉบับใหม่ ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 และมติสภามหาวิทยาลัยในคราวประชุมครั้งที่ 10/2551 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2551 ระบุเงื่อนไขในการจัดกิจกรรมชุมนุมโดยสรุปดังนี้

1. ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ ไม่ใช้กำลัง และเป็นกิจกรรมที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการนำไปสู่ความขัดแย้งหรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และต้องไม่มีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่นักศึกษา นักเรียน และผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมการชุมนุม กรณีเกิดการชำรุดเสียหายให้ผู้ทำการยื่นขอใช้พื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบ

2. ไม่พาดพิงถึงสถานบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

3. ไม่เป็นการขัดขวางการใช้พื้นที่ของบุคคลอื่นเกินสมควร

4. ไม่ทำการบุกรุกหรือทำให้เสียหาย ทำลายทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

5. ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการใช้พื้นที่จัดกิจกรรมชุมนุม

6. การแสดงออกของผู้ร่วมกิจกรรมการชุมนุม ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

7. การแสดงออกของผู้เข้าร่วมชุมนุมต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งนี้ การแสดงออกที่ขัดต่อกฎหมาย ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล
จากประกาศดังกล่าวทำให้ อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเคยเป็นคณบดีนิติศาสตร์ กล่าวถึง ประเด็นเรื่องการห้ามพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ เอาไว้ว่า…

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“อันนี้คืออะไร แปลว่าอะไร สมมุติผมกล่าวยกย่องอันนี้ถือว่าพาดพิงไหม เท่ากับพาดพิงครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปมหาวิทยาลัยต้องห้ามจัดงานทุกประเภทที่พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าถามผมจะตีความแบบตรงไปตรงมา ก็ต้องเป็นแบบนี้ มหาวิทยาลัยเองก็ต้องห้ามจัดงานทุกชนิดที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ จริงๆ มหาวิทยาลัยควรเอาทุกอย่างที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เกี่ยวข้องอยู่ในมหาวิทยาลัยออกไป รูปก็ขึ้นไม่ได้ เพราะนี่คือห้ามพาดพิงทั้งทางตรงและทางอ้อม”

เห็น อ.สมชาย วิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ ทำให้ผมสงสัยตัวเองว่า ผมเรียนมาผิดหรือ อ.สมชาย ไม่เคยเรียนกฎหมาย ?

และถึงผมจะไม่ได้เรียนคณะนิติศาสตร์ แต่ผมก็เรียนวิชากฎหมายพื้นฐานมาตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก ก็ลงเรียนวิชากฎหมายพื้นฐานเป็นวิชาบังคับ ซึ่งสอนเรื่องนี้เอาไว้ซ้ำกับที่เคยเรียนมาตั้งแต่มัธยม

ดังนั้นผมจะถือโอกาสพาอาจารย์ย้อนกลับไปทบทวนวิชากฎหมายพื้นฐานในห้องเรียนวิชากฎหมายของนักเรียนชั้นมัธยมกันหน่อย เพราะคนระดับอดีตคณบดีนิติศาสตร์ อาจลืมวิชากฎหมายและรัฐธรรมนูญบัญญัตอะไรไว้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

รัฐธรรมนูญของไทยทุกฉบับบัญญัติเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ว่า

มาตรา ๖ องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

ไม่แน่ใจว่าต้องแปลไทยเป็นไทย หรือแปลภาษากฎหมายให้อาจารย์ด้านกฏหมายทราบอีกครั้งหรือไม่แต่ดูเหมือนจะต้องแปลอีกครั้ง เพราะดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่ค่อยเข้าใจ

มาตรา ๖ นี้แปลจากภาษากฏหมายเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”
อ.สมชาย กล่าวว่า

“มหาวิทยาลัยต้องห้ามจัดงานทุกประเภทที่พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าถามผมจะตีความแบบตรงไปตรงมา ก็ต้องเป็นแบบนี้ มหาวิทยาลัยเองก็ต้องห้ามจัดงานทุกชนิดที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ จริงๆ มหาวิทยาลัยควรเอาทุกอย่างที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เกี่ยวข้องอยู่ในมหาวิทยาลัยออกไป รูปก็ขึ้นไม่ได้ เพราะนี่คือห้ามพาดพิงทั้งทางตรงและทางอ้อม”

มันสะท้อนใจให้แอบคิดในใจว่า อ.สมชาย เรียนจบจากที่ไหน? จบมาได้ยังไง!

มาตรา ๖ ห้ามละเมิดพระมหากษัตริย์ แต่การจัดงานเช่น งานเฉลิมพระเกีรยติ หรือการขึ้นรูปพระมหากษัตริย์ คือการละเมิด หรือการยกย่องเทิดทูล

นี้คงต้องกลับไปเรียนประถมหรือมัธยม มาใหม่กันเลยทีเดียว เพราะแยกแยะไม่ออกว่า ละเมิด กับ การยอย่องเทิดทูล คืออะไร ต่างกันอย่างไร

ส่วนเรื่องว่า กฎหมายห้ามอะไร ต้องรอไปเรียนหลังจากเรียนจบประถมและมัธยมก่อน

 

 

สุดท้าย อ.สมชาย บอกว่า “คิดว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่น่าจะมีปัญหาในระบบคิดเรื่องเสรีภาพมาก”
ผมคงต้องขออนุญาตสอนนิติศาสตร์ให้กับอดีตคณบดีนิติศาสตร์ มช.เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย เพราะอาจารย์อาจไม่เข้าใจ ว่าสิทธิและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยคืออะไร
แต่ผมเรียนรัฐศาสตร์มา ไม่ได้เรียนนิติศาสตร์ ไอ้การจะพูดเรื่องนิติศาสตร์ก็อาจไม่หนักแน่นพอที่จะทำให้อดีตคณบดีนิติศาสตร์เชื่อถือ ดังนั้นจึงขอยกคำพูดที่ รศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นมาอ้างอิง
อ.ปริญญา สอนวิชากฎหมายกับนักศึกษา มธ. ตอนหนึ่งว่า…

“ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชน จะยอมสละสิทธิ เสรีภาพ บางประการ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม”

“ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชน จะยอมสละสิทธิ เสรีภาพ บางประการ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม”

“สิทธิเสรีภาพ การอยู่ร่วมกันนั้น ถ้าทุกคนเรียกร้องจะใช้สิทธิเสรีภาพของตนเอง เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมได้หรือไม่ ในเมื่อทุกคนก็ย่อมอยากจะได้ใช้สิทธิเสรีภาพของตนอย่างอิสระและเต็มที่ ในที่สุดจะนำมาซึ่งความขัดแย้งซึ่งกันและกัน”

“ขอยกตัวอย่างเรื่องไฟแดงไฟเขียว นั้นก็เป็นตัวอย่างของการถูกจำกัดสิทธิส่วนบุคคล แต่ทำไมเราจึงยอม”

“คำตอบคือ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเราทุกคน”

“ดังนั้น สิทธิเสรีภาพ มิใช่การทำอะไรตามอำเภอใจ”

“กฎหมายถูกบัญญัติโดยรัฐสภา ซึ่งสมาชิกรัฐสภาคือผู้แทนปวงชน หมายความว่า กฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของเรานั้นมาจากตัวเราเอง”

“โดย…กฎหมายมีหน้าที่ ให้สิทธิเสรีภาพและจำกัดสิทธิเสรีภาพ”

ก่อนคิดจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือผู้อื่น ควรศึกษาหาความรู้ให้ท่องแท้ก่อน มิเช่นนั้นจะสอนสิ่งผิดๆ ให้กับนักศึกษาและพาสังคมให้เข้าใจผิด อันจะนำมาซึ่ง ความแตกแยกของสังคมในที่สุด เพราะอาศัยความเป็นอาจารย์ด้านกฏหมาย แต่ไม่มีความเข้าใจที่แท้จริงเรื่องกฎหมาย หรืออาจจะเข้าใจลึกซึ้งดีแล้ว แต่ตั้งใจพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริงหรือสิ่งที่รู้หรือสิ่งที่เรียนมา อันนี้ก็ยากจะคาดเดา

ประกาศฉบับใหม่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง การขออนุญาตใช้พื้นที่จัดกิจกรรมการชุมนุมตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นั้นถูกต้องดีงามตามจารีตประเพณีและตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยแล้วทุกประการ

ขอประนามผู้ใดก็ตามที่พยายามทำความจริงให้เป็นความเท็จ ทำสิ่งที่ถูกต้องให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อันอาจนำมาซึ่งการสร้างความแตกแยกในสังคม

ขอแสดงความชื่นชมและนับถือต่อคณะผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับประกาศฉบับนี้ ที่มีความกล้าหาญในการที่จะทำสิ่งถูกต้องให้ถูกต้อง

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เลือกตั้งสหรัฐ: รัฐนิวแฮมป์เชอร์เปิดเลือกตั้งเป็นรัฐแรก
เลือกตั้งสหรัฐ: โพลนิวยอร์กไทม์สให้แฮร์รีสชนะสวิงสเตท
เลือกตั้งสหรัฐ: รู้จัก 7 รัฐสวิงสเตทกันให้มากขึ้น
"เลือกตั้งสหรัฐ" รัฐนิวแฮมป์เชอร์ เปิดเลือกตั้งเป็นรัฐแรก
"กษิต" แจงยิบสาเหตุ รบ.อภิสิทธิ์ยกเลิก MOU 44 แต่ไม่สำเร็จ หนุนเจรจาต่อ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก
"จับผับลับห้วยขวาง" ลอบเปิดให้บริการ จัดเต็มแสง สี เสียง รวบ 26 นักเที่ยวจีนมั่วยา
ระทึก หกล้อขนถังแก๊ส เสียหลักพลิกคว่ำขวางถนนเชียงใหม่-แม่ออน กลิ่นแก๊สกระจายทั่วบริเวณ
"นักร้องสาวมาเลย์" พร้อมพวก ส่อวืดประกันนอนคุก หวั่นหลบหนีคดีไม่กลับมาขึ้นศาลตามนัด
ศาลนนทบุรี สั่งจำคุกหนุ่มใหญ่ 6 ปี 36 เดือน ผิดคดี 112 โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ตร.ปคบ.หอบสำนวน 7000 หน้า ส่งฟ้องคดีหลอกขายทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้กับอัยการแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น