“ส.ว.ดิเรกฤทธิ์” เสียงอ่อยหวั่นขัดรธน.โหวต “พิธา” เร่งกกต.ส่งศาลวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อด่วนๆ

“ส.ว.ดิเรกฤทธิ์” จี้ “กกต.” เร่งส่งศาลฯวินิจฉัย “พิธา” ปม ถือหุ้นสื่อรีบเคลียร์ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ 13ก.ค. แจงจุดยืน “บันไดขั้นที่2” เสี่ยงทำติดหล่ม ผิดรธน. ไม่สามารถโหวตให้ได้ เปิดช่องใช้ “มติรัฐสภา” เลื่อนยืดโหวตออกไปได้ หากเห็นว่าเป็นปัญหา

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2566 ที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ได้ให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงการโหวตเลือกนายกฯ โดยระบุว่าตนยืนยันหลักการรัฐสภา ถ้าได้เสียงข้างมากในสภา ควรเลือกนายกฯที่มาจากเสียงข้างมาก ส่วนเรื่องการดูคุณสมบัติเป็นเรื่องพ้นวิสัยการพิจารณาของเรา ถ้าศาลตัดสินไม่ทัน เราเลือกไปแล้ว เราเห็นน่ามีลักษณะต้องห้ามก็เป็นเรื่องเงื่อนเวลา เราจะไปก้าวล่วงการใช้อำนาจของศาลไม่ได้

 

 

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ประกาศเจตนารมณ์ตรงนี้อย่างชัดเจนเพราะอยากจะประคับประคองประชาธิปไตยระบอบรัฐสภาไปให้ได้ หน้าที่ของวุฒิสภาเราต้องฟังเสียงตรงนี้ ส่วนวุฒิสภาที่เป็นปลายน้ำท่านก็มีเหตุผลองค์ประกอบอื่นได้เหมือนกันเช่นเรื่องคุณสมบัติ หรือความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายประเทศให้อยู่ดีกินดีก็เป็นเหตุผลสำคัญ เพราะครั้งนี้เป็นการเลือกนายกฯ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ยังมี ส.ว.จำนวนมากที่ติติงนโยบายก้าวไกลเช่นกัน ก่อนถึงวันเลือกหากเป็นไปได้คุณพิธา ที่มีเรื่องใด มีการตั้งคำถาม หากเป็นไปได้ก็ประกาศต่อสาธารณะให้ชัดเจนว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายนั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมส่งพยานหลักฐานให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เรื่องถือหุ้นสื่อ จะส่งผลกระทบต่อการโหวตนายกฯ ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 13 ก.ค.นี้หรือไม่ว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการโหวตเลือกนายกฯในที่ประชุมรัฐสภา อำนาจตรงนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่ระบุว่า สมาชิกรัฐสภาต้องเลือกนายกฯจากผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาคือที่นายพิธา ถูกกล่าวหาอยู่ นายพิธา มีคุณสมบัติ ณ วันที่เราจะโหวตเลือกหรือไม่

 

 

 

 

 

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่องค์กรที่จะมาวินิจฉัยคือศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนต้นเรื่องคือผู้ร้องเรียน รวมทั้งส.ส. หากจะเข้าชื่อกันยื่นต่อศาลฯกรณีของผู้ร้องอื่นก็จะยื่นไม่ได้ เขาก็จะทำได้เพียงไปเสนอหลักฐานร้องเรียนกล่าวโทษกล่าวหานายพิธา ต่อกกต. ฉะนั้น กกต. ถือเป็นหน่วยงานกลั่นกรองเบื้องต้น เหมือนพนักงานสอบสวนในคดีอาญา แต่คดีในรัฐธรรมนูญ กกต.รับเรื่องแล้ว ก็ควรจะตรวจหลักฐานว่าครบองค์ประกอบหรือไม่ ข้อกล่าวหามีพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่เท่านั้นเอง ดังนั้นหน้าที่ของกกต.คือต้องรีบส่งศาลฯวินิจฉัย ตนคิดว่าเป็นเรื่องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย นายพิธา จะถูกหรือผิด จะมีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามหรือไม่ อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องชี้

 

 

“การที่กกต.เอาเรื่องมากอดไว้ ตรงนี้ต้องพิจารณา และทำให้เร็ว เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อเปิดการประชุมรัฐสภา วันที่ 13 ก.ค. ที่มีวาระโหวตเลือกนายกฯ ผมคิดว่าจะทำให้เกิดการอภิปรายอย่างกว้างขวาง เพราะจะมีคนยกมาตรา272ไปโยงกับมาตรา160 และมาตรา98 ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเวลานี้ข้อยุติคืออะไร สำหรับคนที่เลือกถ้าเลือกไปอาจขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่นเดียวกับโครงสร้างของคดีที่บอกว่า ถ้ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติเรายังจะไปสมัคร ตรงนี้ก็มีความผิดมีโทษ ทำนองเดียวกันถ้านายพิธา ไม่มีหรือขาดคุณสมบัติ เรายังไปเลือก ก็อาจจะผิดรัฐธรรมนูญได้ รวมถึงมีโทษทางอาญาด้วย ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญที่สมาชิกรัฐสภาจะใช้ประกอบการตัดสินใจพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

 

 

 

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อศาลฯรับเรื่องแล้ว ท่านต้องสั่งเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เช่นถ้ามีการกล่าวหาว่ามีลักษณะต้องห้าม เป็นส.ส.ไม่ได้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ ท่านจะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ เพราะเห็นว่ามีการร้องว่าขาดคุณสมบัติ ซึ่งการขาดคุณสมบัติจะมีผลย้อนไปถึงวันเลือกตั้ง ฉะนั้นวิธีการของศาลฯจะต้องให้หยุดไว้ก่อนชั่วคราว ถ้าผลออกมาชนะก็ทำงานต่อได้ แต่ถ้าแพ้ การเป็นส.ส.จากการได้รับเลือกตั้งตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาจะเป็นโมฆะทั้งหมด รวมถึงกระบวนการไปสู่นายกฯก็เป็นโมฆะด้วย เช่นเดียวกับกรณีการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐฒนตรีแนวทางการพิจารณาของศาลฯก็เป็นไปไปแนวทางเดียวกัน

เมื่อถามถึง กรณีที่เคยออกมาระบุว่าจะโหวตให้กับผู้ที่มีเสียงข้างมาก แต่ขณะนี้นายพิธาถูกยื่นตีความเรื่องคุณสมบัติสมาชิกภาพส.ส. ยังยืนยันที่จะโหวตให้เหมือนเดิมหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า จุดยืนตนประกาศต่อสาธารณะ เราต้องประคับประคองประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ตนเคยประกาศบันได3ขั้นไว้ 1.ส.ส.รวมกันเป็นเสียงข้างมาก ในเมื่อสภาฯมีหน้าที่เลือกรัฐบาล เราควรสนับสนุน 2.ต้องมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่า2เดือนที่ผ่านมามีการร้องกล่าวโทษนายพิธา ถ้านายพิธา ไม่ผ่านคุณสมบัติ ตนก็เลือกไม่ได้ เพราะสุ่มเสี่ยงจะทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเองถือเป็นประเด็นสำคัญ ส่วนบันไดขั้นที่3ก็อาจไม่ต้องถกเถียงกันว่าจะสามารถขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อยได้หรือไม่

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่า การที่นายพิธา ถูกยื่นตีความจะมีผลต่อการพิจารณาของส.ว.หลายคนหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่มีผลต่อการพิจารณาของส.ว. แต่มีผลต่อการพิจารณาทั้งสภาฯ เพราะประเด็นนี้จะมีคนยกขึ้นมาได้ว่า มาตรา272 เขาห้ามเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้าม ถ้าส.ส. ส.ว.ไปเลือก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ จะทำผิดรัฐธรรมนูญ และต้องรับโทษเสียเอง ส่วนจะทำให้สถานการณ์ของรัฐสภาตึงเครียดหรือไม่นั้น เป็นไปตามกลไกกฎหมายที่ต้องเคารพ ขณะที่องค์กรใดที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาก็ต้องทำให้กระจ่าง ไม่มีเงื่อนตาย

 

 

เมื่อถามว่า จะต้องมีการเลื่อนโหวตนายกฯในวันที่13ก.ค.หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐสภา และสมาชิกทั้ง750คน จะเห็นประเด็นว่าถ้าเราเลือกแล้วไม่มีปัญหาทั้งสภาฯ ก็เดินต่อไปได้ แต่ถ้าเห็นว่าเลือกแล้วมีปัญหา ก็สามารถใช้มติของรัฐสภาในการเลื่อนได้ ถ้ามีเหตุผลจำเป็นเหมาะสม เพื่อประโยชน์การทำงานของประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผบ.สอ.รฝ.ประดับเครื่องหมายเลื่อนยศ นักรบต่อสู้อากาศยาน 46 นาย
‘สามารถ’ คอตกศาลไม่ให้ประกัน เตรียมส่งเข้าเรือนจำ ส่วน ‘แม่’ วางเงิน 5 แสนบาท ได้รับปล่อยตัว
"กองทัพภาคที่ 3" แถลงข่าวแจงพื้นที่ "กองกำลังว้าแดง" ตั้งฐานปฏิบัติการลุกล้ำไทย ยังไม่มีการสำรวจ หรือปักปันเขตแดน
ตึงเครียด! “ว้าแดง” บุกประชิดชายแดนไทย “บิ๊กอ้วน” พูดแล้ว รบ-ไม่รบ
ชาวบ้านเดือดร้อนหนักน้ำท่วมเดือดร้อนแสนสาหัส - หลังนายทุนออกโฉนดที่ดินถมลำคลอง"ห้วยพาน" ปิดกั้นทางน้ำสิ้นเชิง นายกเล็กฯ เบื้องต้นระดมกำลังช่วยเหลือ ที่ร้องเรียนเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบว่าออกจะโดดที่ดินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่แต่กลับ ล่าช้า อึดเหมือนเรือเกลือ
พายุฝนพัดถล่มปากพนังเมืองคอนอ่วมอรทัย น้ำท่วมต้นไม้หักโค่นขวางถนน ฝนตกน้ำท่วมและคลื่นลมแรงพัดพัดหอบหอยกาบเกลื่อนชายหาดชาวบ้าน แห่เก็บขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
รวบแล้ว “พี่สาวเมียทนายตั้ม” หลังตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันฟอกเงิน” เร่งสอบปม 39 ล้าน
"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น