จากกรณีที่นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ชี้แจงกรณีเงินบริจาคจากโครงการ เมย์เดย์-เมย์เดย์ เราช่วยกัน 7,751,783 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้าว่า เงินบริจาค มีหลักฐานการโอนเงินกว่า 2,431 คน รวมทั้ง 15 รายชื่อที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวหาว่าเป็นอวตาร โดยได้มีการชี้แจงผ่านเพจคณะก้าวหน้า และจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายแพทย์วรงค์ และนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว ซึ่งมองว่า การออกมากล่าวหาเป็นเรื่องเกมการเมืองที่ไม่ลงทุนและหวังดิสเครดิตทางการเมือง
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่าขณะเดียวกันรู้สึกเห็นใจนายแพทย์วรงค์ เพราะสอบตกแพ้พรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งและต้องการมีที่ยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ นพ.วรงค์เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหากชนะก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นบทบาทของนพ.วรงค์ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ
พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า การยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้งสองคน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องนายแพทย์วรงค์ต่อไป ส่วนค่าเสียหาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะพิจารณา ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหาต้องออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น นางสาวพรรณิการ์ เห็นว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหากนายแพทย์วรงค์อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล
พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า การยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้งสองคน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องนายแพทย์วรงค์ต่อไป ส่วนค่าเสียหาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะพิจารณา ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหาต้องออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น นางสาวพรรณิการ์ เห็นว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหากนายแพทย์วรงค์อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นพ.วรงค์และ นายบุญเกื้อ ได้เดินทางมาตามที่ศาลนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.วรงค์ และนายบุญเกื้อ เป็นจำเลยแยกสำนวนกัน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีทั้งสองกล่าวหา น.ส.พรรณิการ์ และคณะก้าวหน้าอมเงินบริจาคในโครงการ “คอนเสิร์ตระดมทุน เมย์เดย์เมย์เดย์ เราช่วยกัน” ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ ไม่ได้เดินทางมา โดยส่งทนายความมาแทน
ภายหลังการพิจารณาคดี นายบุญเกื้อ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราได้ไปติดประกาศหมายศาลที่ตึกไทยซัมมิท เพื่อขอรายละเอียดในโครงการเมยเดย์ เมย์เดย์ เกี่ยวกับรายชื่อผู้ที่ขอเงินเข้ามา และเมื่อได้รับเอกสารมาแล้ว ตรวจสอบโดยไล่ดูเรียงตามลำดับหลายรายชื่อในระดับต้นๆ น่าจะเป็นผู้ที่ไม่ได้รับเงินในโครงการ และรายชื่อผู้ได้รับเงินก็ไม่ได้อยู่ในลำดับต้นตามที่โครงการบอกไว้ หลังจากนี้จะมีการไปเรียบเรียงรายชื่อ 2,427 คนแรก มาเปิดเผยต่อสาธารณชน มีใครที่ไม่ได้รับเงินช่วยให้ติดต่อมาที่ตน เพื่อหาตัวผู้ถูกหลอกลวง คณะก้าวหน้าโฆษณาแล้วไม่ได้ทำเท่ากับหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ ศาลได้เริ่มนัดสืบพยานในวันที่ 11 ก.พ. 2565
จนเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 นพ.วรงค์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงผลคำพิพากษา โดยบอกว่า #ผลคำพิพากษาคดีเมย์เดย์เมย์เดย์ศาลยกฟ้อง ถ้าจำกันได้คดีเมย์เดย์เมย์เดย์ 3,000 บาทถ้วนหน้า ไม่ต้องพิสูจน์ความจน คุณช่อฟ้องผมกับคุณบุญเกื้อ วันนี้ศาลมีคำพิพากษา ในคดีที่คุณช่อฟ้องผม(ของคุณบุญเกื้อจำหน่ายคดี)
บทสรุป ศาลถือว่าเงินบริจาคประมาณ 7.2 ล้าน เป็นเงินของประชาชน จำนวนมาก และคณะก้าวหน้าเป็นกลุ่มการเมือง ใครๆก็สามารถตั้งข้อสังเกตตรวจสอบได้
รายชื่อที่ผมขอให้คณะก้าวหน้าประกาศ 15 รายชื่อ และขอให้แสดงหลักฐานการโอนเงิน จากการที่ผม(จำเลย)ไปตรวจสอบ กับทะเบียนราษฎร์ไม่พบรายชื่อ 11 รายชื่อ การโพสต์เฟซบุ๊กของผม ให้แสดงหลักฐาน 15 รายชื่อ จึงเป็นการท้าทาย เพื่อให้แสดงหลักฐาน ถ้าแสดงได้ก็จะชื่นชม ถ้าแสดงไม่ได้จะถือว่าหลอกลวงประชาชน จึงไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท
ผลสรุป ศาลยกฟ้องครับ ดวงวิญญาณคุณบุญเกื้อรับทราบด้วยครับว่า คดีเมย์เดย์เมย์เดย์ พวกเราชนะครับ