จากกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ทาง Suthichai live เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2566 ถึงแนวทางของพรรคเพื่อไทยกับโหวตนายกฯรอบ 2 โดยนายภูมิธรรม กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อยังยังไม่มีแผน และยังงงอยู่กับการออกมาออกแถลงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯของพรรค ซึ่งตนคิดว่าการแถลงของนายพิธาครั้งนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนในความเข้าใจของเราทั้งสองพรรค สิ่งสำคัญคือ ตัวแทนสองพรรคได้คุยกันเมื่อวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นการหารือกันว่าจะไปยังไงต่อ เพราะหลังโหวตเสร็จต่างฝ่ายก็ต่างมึน ประเด็นที่เราคุยกันคือ เมื่อเลือกนายกฯไม่ได้ แล้วผลที่ออกมาเป็นรูปธรรมแบบนั้น เห็นตัวเลขชัดเจนอย่างนั้น คิดกันอย่างไร และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร นี่คือประเด็นที่หารือ
ขอบคุณภาพ Youtube : Suthichai live
วันนี้นายพิธาและพรรคก้าวไกลต้องเสียสละ คิดให้กว้างขึ้น และดูว่าประเทศจะมีทางออกอย่างไร ข้อเสนอและข้อสรุปแบบนี้ มันไม่ใช่ข้อสรุปของพรรคร่วม และพรรคเพื่อไทยคงจะยืนให้พิจารณาประเด็นใหม่ ต้องเอาวาระของประชาชนและประเทศมาพิจารณาเป็นเรื่องหลัก ไม่ใช่เอาวาระของนายพิธาหรือพรรคก้าวไกลเป็นวาระหลัก
อย่างไรก็ดีย้ำว่า หากการโหวตครั้งที่ 2 พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อนายพิธาอีก พรรคเพื่อไทยก็สัญญาว่าจะโหวตให้ แต่ถ้าคะแนนไม่ต่างไปจากเดิม ก็ต้องหยุดได้แล้วในความเห็นของตน ส่วนจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ในการโหวตครั้งที่ 2 มีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น ตนเห็นว่าอย่าเพิ่งไปคิดถึงตรงนั้น แต่นายพิธาต้องพูดกรอบมาให้ชัด ที่บอกว่าต้องสู้สองสมรภูมิ เมื่อไหร่ที่จะต้องยุติ โหวตอีกกี่ครั้งถึงจะหมด นอกจากนี้ตนมีประเด็นที่มีความเป็นห่วงในการโหวตครั้งที่ 2 เสียงข้างน้อยเขาอาจจะส่งสู้ ซึ่งหากเขาส่งสู้ก็แสดงว่าเขามั่นใจ แต่หากเรายังยืนตัวเดิมที่เขาไม่รับ มันก็เท่ากับเราปิดโอกาสเข้าไปเป็นรัฐบาล เรื่องนี้เราต้องคุยกัน ไม่ใช่เอาเวลาไปคุยเรื่อง 272 อย่าให้ประเทศมาอยู่กำมือของการพิจารณาของพรรคและตัวบุคคล อันนี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่สุด พรรคคก้าวไกลจะทำเป็นเฉยเมย หรือไม่สนในปัญหาเหล่านี้ไม่ได้
สำหรับการโหวตนายกฯในรอบต่อไปเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องคุยและหาทางออกให้จบ เนื่องจากปัญหาของประเทศ เขาต้องการมีรัฐบาล ไม่ว่าจะภาคธุรกิจ หรือความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงความต้องการของฝ่ายประชาธิปไตยที่อยากจะมีรัฐบาลใหม่ ฉะนั้นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญคือ เราจะต้องมาคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ จะเป็นนายพิธาต่อหรือไม่ หรือจะเปลี่ยน และคิดจะหาคะแนนจากไหน ซึ่งตนฟังจากการอภิปรายของ ส.ว.และส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ตนยังไม่ค่อยเห็นว่าเราจะโน้มน้าวได้อย่างไร แต่ตนก็ให้เวลาพรรคก้าวไกลทำงานหาเสียงส.ว.จนถึงวันที่ 19 กรกฏาคม แต่หากครั้งนี้ไม่ผ่านต้องพูดให้ชัดจะเอายังไง