ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจนถึงขนาดฟ้าถล่มดินทลายน่าเชื่อว่า เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล รวมถึงการเป็นรัฐบาลของ “พรรคก้าวไกล” น่าจะปิดฉากแบบถาวรแล้ว ไม่ว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะได้รับสิทธิการเสนอชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ปลายทางสุดท้าย คำตอบเดียวกัน คือ “พิธา” จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีล้านเปอร์เซ็นต์
“สนิมเกิดจากเนื้อในตน” เฉกเช่นเดียวกับ “ก้าวไกล”ที่ตลอดเวลาพยายามสร้างความแตกแยกให้กับประเทศชาติ โดยเฉพาะนโยบายสุดโต่งต่าง ๆ อาทิ การแก้ไขมาตรา 112, การปฏิรูปกองทัพ, การยกเลิกกฎอัยการศึก หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ฯลฯ ซึ่งทุกนโยบายถือเป็นการทำลายเสาหลักที่ค้ำจุนประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ให้พังทลายลงมา
ทั้งนี้จากบริบทดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่า การล่มสลายของ “พิธา” ไม่ได้เกิดจากตัวบุคคล แต่เป็นเพราะนโยบายร้ายลึกของก้าวไกลที่ไม่น่าจะเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และด้วยเหตุผลเหล่านี้ต่างหากจึงทำให้ ส.ว.ไม่สามารถร่วมสังฆกรรมโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้นคำถามจึงกลับมาที่ “เพื่อไทย” ในฐานะพรรคการเมืองอันดับสองว่า จะตัดสินใจอย่างไร.. และด้วยสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่า เพื่อไทยไม่น่าจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายไปกับก้าวไกลจนถึงนาทีสุดท้าย โดยทางออกสวย ๆ คือสลัดก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้านโดยไปจับขั้วกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และพรรคพันธมิตรที่ประกอบไปด้วย เพื่อไทย (141 เสียง) ภูมิใจไทย (71 เสียง) พลังประชารัฐ (40 เสียง) รวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง) ชาติไทยพัฒนา (10 เสียง) ชาติพัฒนากล้า (2 เสียง ) พรรคประชาชาติ (9 เสียง) พรรคเพื่อไทรวมพลัง ( 2 เสียง) และพรรคเสรีรวมไทย (1 เสียง) จัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง