เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2566 เมื่อเวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรเพื่อไทย กล่าวว่าในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการถกเถียงถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 จะสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล โหวตรอบสองได้หรือไม่ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่สามารถเสนอได้ เพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 ที่ระบุว่าญัตติที่มีหลักการเดียวกันถ้าถูกตีตกไปแล้วไม่สามารถนำมาเสนอซ้ำได้อีก เว้นแต่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ขัดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41 แต่ที่ประชุมไม่สามารถสรุปหาทางออกได้ จึงขอให้ประธานรัฐสภาหาข้อวินิจฉัยว่า มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หรือถ้าจะให้มีการโหวตเลือกนายกฯได้จะใช้เหตุผลได้
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในการประชุมวันที่ 19 ก.ค. เมื่อเปิดประชุมแล้ว ตามมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อนายพิธา ให้โหวตนายกฯอีกรอบ โดยพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้เสนอชื่อนายพิธา แต่ถ้ามีคนเห็นต่างว่าญัตติดังกล่าวตกไป ก็จะต้องมาอภิปรายให้เหตุผลกัน สุดท้ายคงต้องใช้วิธีการลงคะแนนตัดสิน ซึ่งถ้าญัตติดังกล่าวตกก็ถือว่ากระบวนการจบไป ต้องไปนัดประชุมรอบใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีที่ถ้าต้องมีการเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯรอบสาม จะต้องได้คะแนนในรอบสองเท่าไหร่ ถึงจะเสนอชื่อในรอบต่อไปได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กรณีนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เคยมีการหารือร่วมกัน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ยกตัวอย่างถึงการโหวตรอบสามว่า จะต้องมีแนวโน้มของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งนายพิธาไปบอกว่าควรมีคะแนนเพิ่มขี้น 10 เปอร์เซนต์ หรือ 344-345 คะแนน แต่ถ้าดูคำว่า 10 เปอร์เซนต์ แล้วหมายความว่าจะต้องได้เพิ่มอีก 32 คะแนน เมื่อไปร่วมกับ 324 เสียงเดิมจากรอบแรก ก็จะต้องได้คะแนนถึง 356-360 ถึงจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่นายพิธาพูดเอาไว้