นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราทองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบ กรณีมี ข้าราชการตำรวจ ชั้นประทวน จำนวน 17 นาย ร้องเรียนขอความเป็นธรรม กล่าวหา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษ สบ.9 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยนำ ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 17 นาย ไปรับใช้ครอบครัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งวินัยและอาญา อีกทั้ง ยังมีการข่มเหงทำร้ายร่างกาย ตบดี ใช้วาจาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย กลั่นแกล้งโยกย้ายไม่เหมาะสม ลงโทษไม่เป็นธรรม และถูกบังคับจนต้องลาออกจากราชการ
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าว กลับมี เพื่อนร่วมรุ่น 47 และคนสนิทของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงเกรงจะเกิดความเป็นธรรม อีกทั้ง คณะกรรมการชุดใหม่ ไม่เคยเรียก คณะกรรมการชุดตรวจสอบเดิม ที่มีการบันทึกวิดีโอการสอบปากคำตำรวจชั้นประทวน ทั้ง 17 นาย มาให้การกับคณะกรรมการชุดดังกล่าว จึงอาจจะมีเจตนาในการให้การช่วยเหลือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้พ้นผิด และการที่มีตำรวจชั้นประทวนจำนวน 6 นาย มาขอถอนเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ได้ลาราชการ หรือ ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มาหรือไม่ หรือมีผู้ใดนำมายื่นเอกสารที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุตำรวจชั้นประทวน เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย การมาร้องผู้บังคับบัญชาระดับนายพล ถ้าไม่เป็นเรื่องจริง คงไม่กล้ามาร้อง และกลับคำให้การของตำรวจชั้นประทวน จำนวน 6 นาย ที่มีการบันทึกวิดีโอไว้แล้วนั้น จึงเป็นเรื่องผิดปกติ ขอให้ตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พร้อมกล่าวว่า การมาร้องเรียนครั้งนี้ เนื่องจาก มีข้อเท็จจริงปรากฏ และไม่กลัวว่าจะถูกดำเนินคดีกลับแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเชิญตำรวจทั้ง 17 นาย มาให้ปากคำกับคณะกรรมการที่ตนเองเป็นประธาน รวมทั้ง หลักฐานที่คณะกรรมการชุดก่อนทำไว้มาประกอบการพิจารณา แต่ยอมรับว่า การสอบสวนอาจจะล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์โควิด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถึงแม้ว่า จะมีข้าราชการบางนาย ลาออกจากข้าราชตำรวจไปแล้ว แต่สามารถเรียกมาสอบย้อนหลังได้ ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องได้ความจริงปรากฏ