ถีบก้าวไกล…..เป็นฝ่ายค้าน

4 พรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน "ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ชาติไทยพัฒนา" จับมือ ชาติพัฒนากล้า ประสานเสียงตอบเพื่อไทย หากมีก้าวไกลจะไม่โหวตนายกฯให้ไม่ร่วมรัฐบาลด้วย รับไม่ได้พรรคล้มเจ้าพรรคมีแนวคิดแก้ม.112 ทำลายทำร้ายสถาบัน ชลน่านแบะท่าโยนสิทธิ์ตั้งรัฐบาลให้พรรคอันดับ 3 ให้ภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลแทน พูดชัด 5 พรรค 188 เสียงมีส.ส.มากสุด พิธายังมีลุ้นฟื้นจากหลุมหลังผู้ตรวจการเห็นต่าง ญัตติเสนอนายกฯซ้ำไม่ขัด ข้อบังคับ 41 เล็งส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เบรกเลือกนายกฯ 27 ก.ค.ไปก่อน

อย่างที่รู้กันก่อนหน้านี้ว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายส้มล้มเจ้าหมดปัญญาที่จะได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ส.และส.ว.ให้เป็นนายกฯ หลังการโหวตครั้งแรกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ได้เสียงไปแค่ 324 เสียง ไม่ถึง 376 ไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภา ขณะที่การโหวตครั้งที่ 2 เมื่อ 19 ก.ค.2566 พิธาก็ไม่ได้รับโอกาสเพราะถูกเสียงส่วนใหญ่ 394 เสียง เห็นว่าญัตติที่เสนอพิธาขึ้นเป็นนายกฯ เป็นญัตติซ้ำที่ถูกเสนอไปแล้วไม่สามารถนำกลับมาพิจารณาลงมติได้อีกครั้ง ขณะที่พิธาหมดลุ้นนายกฯฝ่ายก้าวไกลก็อับจนหนทางที่จะได้เสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นเพื่อเดินหน้าโหวตนายกฯหรือเป็นรัฐบาลต่อไป จนที่สุดเมื่อ 21 ก.ค.2566 ชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯก้าวไกล ต้องยอมจำนนแถลงโยนการทำหน้าที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้กับเพื่อไทยพร้อมให้แนวทางหาเสียงสนับสนุนกับส.ส.และส.ว. เพิ่มเติมสำหรับการโหวตในครั้งที่ 3 ในวันที่ 27 ก.ค.ที่จะถึงอีกไม่กี่วันนี้

ชัดเจนว่าก่อนหน้านี้ทาง “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนแล้วว่าคนที่เพื่อไทยจะส่งชิงนายกฯคือ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่จะเป็นคิวแรกของเพื่อไทยในการลุ้นนายกฯ แต่จะเป็นแคนดิเดตคนที่สองของคราวนี้ที่มีสิทธิ์ลุ้นนายกฯคนที่ 30 ต่อจากพิธา ล่าสุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อไทยเดินเครื่องหาเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯให้กับตัวเอง ด้วยการเชิญพรรคการเมืองต่างๆมาหารือเรื่องการขอเสียงสนับสนุนในการโหวตนายกฯ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยวันเสาร์ที่ผ่านมามีการเชิญพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรครวมไทยสร้างชาติ มาหารือ จากนั้นในวันอาทิตย์ก็มีการเชิญพรรคชาติไทยพัฒนา กับ พรรคพลังประชารัฐ ปรากฎว่าผลการหารือ 5 พรรค สะท้อนความเห็นเหมือนออกมาเหมือนกันแป๊ะ อย่างกับก็อปปี้มาพิมพ์เดียวกัน คือ ทุกพรรคยืนยันไม่สนับสนุนแคนดิเดตที่อยู่พรรคการเมืองที่มีแนวคิดแก้ไขม.112 ไม่เอาพรรคที่คิดล้มเจ้าบ่อนทำลายสถาบัน รวมไปถึงจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองแบบนี้ร่วมอยู่ด้วย

เอาแบบชัดๆตรงๆ คือ ตราบใดก็ตามที่มีก้าวไกลอยู่กับเพื่อไทย ทั้ง 5 พรรคคงไปสนับสนุนแคนดิเดตของเพื่อไทยเป็นนายกฯ รวมถึงสนับสนุนให้เพื่อไทยบริหารประเทศไม่ได้อย่างแน่นอน จากพรรคการเมืองที่เพื่อไทยคุยมาทั้งหมดจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็น 4 พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบันคือ “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ชาติไทยพัฒนา” รวมกัน 4 พรรคนี้ก็ปาเข้าไป 157 เสียงแล้ว บวกพรรคสุวัจน์อีก 2 เสียงก็จะเป็น 159 เสียง คงเหลือแค่พรรคประชาธิปัตย์อีก 25 เสียงเท่านั้น ที่เพื่อไทยไม่ได้เทียบเชิญมาคุยเพราะภายในพรรคสีฟ้าตอนนี้ไม่มีหัวหน้าตัวจริงไม่มีกรรมการบริหารพรรคแท้ๆ เพราะเป็นรักษาการอยู่ตรงนี้เลยทำให้ไม่ได้พูดคุยกัน แต่ถึงแม้ไม่ได้พูดคุยกับพรรคสีฟ้าก็จริง แนวทางที่ประชาธิปัตย์ยืนยันก็คงออกมาคล้ายๆกันคือคงไม่สนับสนุนพรรคล้มเจ้าคนที่ต้องการผลักดันม.112

แน่นอนว่าเสียงที่ก้าวไกลอยากจะให้เพื่อไทยหาเพิ่มจากส.ส.และส.ว. วันนี้ชัดเจนแล้วว่าฝั่ง 10 พรรค 188 เสียงไม่มีพรรคไหนที่อยากมาเติมเสียงให้กับเพื่อไทยในการโหวตนายกฯเที่ยวหน้า ตราบใดก็ตามที่ในรัฐบาล 8 พรรคยังมีก้าวไกลอยู่ ความจริงเรื่องนี้ต่อให้ไม่เชิญ 5 พรรครัฐบาลปัจจุบันมาคุย ทุกคนก็รู้ “จุดยืน” ของทุกพรรคดีอยู่แล้วว่าไม่เอาก้าวไกลไม่เอาพรรคแก้ ม.112 แต่เพื่อไทยเล่นเป็นการดึง 5 พรรคมาคุยก็เพื่อให้สังคมรับรู้ให้คนไทยเป็นพยานว่าอีกฝากนึงไม่เอาก้าวไกลไม่เอาพวกแก้ม. 112 ต่อให้ทำยังไงก็ไปต่อยาก แม้ตอนนี้เกมจะอยู่ในมือเพื่อไทยแล้ว แต่เอาจริงๆก็ยากเหมือนกันที่จะสะบัดก้าวไกลออกไป แนวทางหลักของเพื่อไทยตอนนี้เท่าที่จับทางได้ก็มีอยู่สองแนว แนวทางแรกคือประกาศแตกหักกับก้าวไกลไปเลย จะฉีกสัตยาบัน 8 พรรคเขี่ยทิ้ง MOU 312 เสียงที่เคยลงนามกันมาก่อนเพราะไปไม่ได้จริงๆ

ยังไงถ้าอยากเป็นนายกฯอยากเป็นรัฐบาลก็ต้องดึงอีกขั้วมาเข้าร่วมอย่างน้อยในสมการที่ว่าก็ต้องมี “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” ที่เป็น 3 พรรคใหญ่ขั้วรัฐบาลปัจจุบันที่หากเป็นแบบนี้ ก้าวไกลก็ต้องฉีกตัวไปเป็นฝ่ายค้านแบบอัตโนมัติ เพราะมีนโยบายหลักประกาศกันไว้ชัด “มีเราไม่มีลุง” ไม่เอาพลังประชารัฐของลุงป้อมไม่สังฆกรรมกับรวมไทยสร้างชาติของบิ๊กตู่ แถมยังไม่เอาพรรคกัญชาของเสี่ยหนู เพราะฉะนั้นแบบนี้ก็จบ 8 พรรคก็ไปต่อไม่ได้ ต้องย้ายขั้วสลับข้างถึงจะมีนายกฯ ถึงจะได้รัฐบาล แต่ถ้าเพื่อไทยเลือกแนวทางนี้รับรองโดนถล่มเละเป็นโจ๊กแน่ๆเพราะพูดกันมาตลอดว่าพรรคขั้วประชาธิปไตยไม่มีวันแยกจากกัน ถ้าเพื่อไทยถีบหัวส่งก้าวไกลและเลือกทางนี้ก็จะเป็นการ “กลืนน้ำลาย” ทำลายทำร้ายตัวเอง ครั้นจะรอให้ก้าวไกลแสดงสปิริต “ไขก๊อก” จาก 8 พรรคเพื่อเสียสละให้ตั้งรัฐบาลได้แบบที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยเคยพูดก็ยากอีกเพราะใครจะยอมปิดโอกาสตัวเอง แถมวิโรจน์ก็บอกว่าเจอพวกหน้าด้านก็ต้องหน้าด้านกว่า ด้านพิธาที่เดินสายอยู่ก็ปลุกประชาชนกดดันไม่ให้เพื่อไทยสลับข้างถีบก้าวไกลลงจากเรือ “พี่น้องใครจะถีบผมออกจากเรือผมไม่รู้ รู้แต่อย่างเดียวว่าผมไม่ยอม ถ้าเรือมันรั่วก็ต้องช่วยกันอุด ช่วยกันซ่อม ไม่ใช่จะถีบเพื่อนออกจากเรือ และไม่ถีบประชาชนออกจากเรือด้วย 25 ล้านเสียง สู้ 250 เสียงไม่ได้ให้มันรู้ไป ” พิธากล่าว

ไม่อย่างนั้นก็มีอีกทางคือการโยนสิทธิ์ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคต่อไปคือพรรคอันดับ 3 ที่ก็คือพรรคภูมิใจไทยของเสี่ยหนู ที่ล่าสุดแนวทางนี้ทางหมอชลน่านก็เริ่มส่งสัญญาณๆเริ่มเปรยๆ ออกมาแล้ว  ที่สุดเรื่องนี้อาจกลายเป็นบันไดลงที่ดีให้เพื่อไทยก็ได้ ถ้าออกแนวนี้เพื่อไทยก็จะไม่ถูกด่ามากไม่ตกเป็นจำเลยของฝ่ายประชาธิปไตย เพราะมันหมดปัญญาไม่มีทางไปจริงๆ จู่ๆจะมาให้เพื่อไทยฉีก MOU 8 พรรคแล้วไปตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อไทยจะตกเป็นจำเลยสังคมทันที และจะกลายเป็นคนทรยศในขั้วประชาธิปไตยไปเลย ตรงนี้พรรคเขี้ยวรากดินหัวหมอตัวพ่ออย่างแดงทุนนิยมสามานย์คงไม่โง่เลือกทางฆ่าตัวตายแบบนี้แน่  สู้โยนกลับให้พรรคอันดับ 3 แบบภูมิใจไทยที่เป็นขั้วตรงข้ามดำเนินการไปก็หมดเรื่อง  ตรงนี้ก็จะไม่มีใครมาด่าเพื่อไทยได้เพราะทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยก็มีปัญหาเหมือนกันคือจนปัญญาหาเสียงสนับสนุนไม่ถึง 376 เสียงเหมือนกัน

ล่าสุดแนวคิดนี้ทางหมอชลน่านก็เริ่มออกมารับลูกแล้ว ” หากพรรคอันดับ 2 จัดไม่ได้ ในเมื่อเราหมดปัญญาแล้ว ทำไมไม่ส่งต่อให้คนอื่น ก็คือพรรคอันดับ 3 ทั้งนี้ ต้องรอประชุม 8 พรรคร่วม เมื่อหาข้อสรุปในวันที่ 25 ก.ค.” หมอชลน่านระบุ ทำไปทำมาการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกลายเป็นภาระเพื่อไทยไปอีก จับตาคำสัมภาษณ์แปร่งๆ ของหมอชลน่านที่ออกมายอมรับว่าพรรคอันดับ 1 ที่มีเสียงมากสุดคือขั้วรัฐบาลเดิม เสมือนแบะท่าคืนสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลเสนอชื่อนายกฯให้กับขั้วรัฐบาลปัจจุบันกลายๆ แค่นี้ก็เห็นชัดว่าเพื่อไทยไม่เอาแล้วถอยแล้ว “ แต่ประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ถ้าเทียบคะแนน เขาไม่ได้เห็นคล้อยตามที่เราเสนอ เราซึ่งหมายถึงพรรคซีกเสรีประชาธิปไตย ถ้าวัดจากคะแนนเลือกตั้ง อีกฝ่ายเป็นเสียงข้างมาก เพราะ 10 พรรคคือกลุ่มเดียวกัน มี 188 เป็นอันดับ 1 ในสภา ส่วนก้าวไกล เป็นอันดับ 2 มี 151 เสียง เพื่อไทย เป็นอันดับ 3 มี 141 เมื่อไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด มันเลยมีความลำบาก” ชลน่านระบุ ออกทางนี้ใครก็ด่าเพื่อไทยไม่ได้

ยังไม่ชัดว่าหลังการพูดคุย 8 พรรค วันอังคารที่ 25 ก.ค.2566 ผลจะออกมาแบบไหน ข้อสรุปจะออกมายังไง เพื่อไทยประกาศดึงพรรคอื่นร่วมรัฐบาลบาลเพิ่ม ก้าวไกลเสียสละถอนตัวจาก 8 พรรค หรือ 8 พรรคมีมติร่วมกันให้แตกตัวเป็นอิสระเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองในการเฟ้นหาตัวนายกฯและตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ แต่ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก้าวไกลกับเพื่อไทยไม่มีวันอยู่ด้วยกันแน่นอน ล่าสุดที่ประชุมส.ส.ของก้าวไกลก็ยืนกรานไม่ร่วมทำงานกับพรรค 2 ลุง “พปชร.-รทสช.” ต่างคนต่างไปต่างคนต่างเดิน ไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ในสมการการเมืองชัดเจนแล้วว่า “ก้าวไกล” คือตัวปัญหาไปอยู่กับใครไม่ได้ ไปไหนเขาก็ไม่เอา เอาง่ายๆคือเขี่ยก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านก่อน จากนั้นที่เหลือก็คงตกลงกันไม่ยากแล้ว “เศรษฐา-อนุทิน-พล.อ.ประวิตร” ใครจะเป็นนายกฯดี ต่อเมื่อสลักระเบิดถูกถอดออกไปที่เหลือก็ล้วนแต่คนคุ้นเคยกันเองทั้งนั้น เห็นภาพหมอชลน่าน ภูมิธรรม ประเสริฐ บรรดาแกนนำเพื่อไทย อี๋อ๋อกับอนุทิน สุวัจน์ พีระพันธุ์ วราวุธ ร.อ.ธรรมนัส สันติ ฯลฯ สั่งกาแฟ สั่งมิ้นต์ชอค มานั่งกินกันดูดดื่ม ม่วนชื่นหลายแค่นี้ก็รู้แล้วว่าก้าวไกลกลับบ้านเก่า ฝ่ายส้มล้มเจ้าเตรียมบ๊ายบาย นับถอยหลังเตรียมเป็นฝ่ายค้านได้เลยจะช้าหรือเร็วก็แค่นั้นเอง

แม้ล่าสุดจะมีกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตาม ม.213 ประกอบ ม. 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 จากกรณีที่ประชุมรัฐสภาเมื่อ 19 ก.ค.2566 ลงมติว่าการเสนอชื่อพิธาเป็นญัตติซ้ำ ตามข้อบังคับรัฐสภา 2563 ข้อ 41 จึงไม่สามารถเสนอกลับมาโหวตใหม่ได้เพราะญัตติเสนอแล้วและตกไปแล้ว และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในประเด็นนี้ พร้อมกับให้หยุดการโหวตนายกฯในวันที่ 27 ก.ค.2566 นี้ไปก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน งานนี้ต่อให้พิธาได้กลับมาโหวตใหม่  ก็ไม่มีทมางเปลี่ยนผลการโหวตให้ต่างจากเดิมไปได้   พิธาไม่มีทางได้เป็นนายกฯ แถมเสียงส.ว.ก็จะน้อยลงไปอีก  การขาดความชอบธรรมก็จะยิ่งมากขึ้น  เพราะใช้มวลชนไปด่าคนเห็นต่าง ด่าส.ว.รุกรานครอบครัวธุรกิจของเขา  ใช้โซเชี่ยลใช้สารพัดวิธีไปบีบบังคับฝั่งตรงข้ามให้เห็นตามพวกกู  กรณีกลุ่มทะลุวังบุกไปป่วนที่พรรคเพื่อไทยก็ชัดเจน บุกขึ้นไปบนที่ทำการพรรค ขว้างปาสิ่งของ ด่ากราดไปทั่ว   ประชาธิปไตยแบบไหนคนไทยก็เห็นกันอยู่หาเรื่องระรานคนอื่นไปทั่ว  แถมยังมีเรื่องแกนนำรับเงินต่างชาติมาป่วนรัฐบาลบิ๊กตู่มาทำร้ายประเทศอีก   อุบาทว์ชาติชั่วสิ้นดี พิธากับก้าวไกลนะจบแล้ว  นานวันไปก็จะยิ่งเสื่อม ที่เหลือทั้งหมดก็แค่ประวิงเวลาต่อลมหายใจให้ตายช้าลงเท่านั้นเอง
//////////////////////////

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่
เมืองคอนน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ หากผลไม่หยุดตกคืนนี้ตัวเมืองอ่วมอรทัยแน่นอน-ในเบื้องต้นนายอำเภอ,นายกเล็กฯจับมือศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนและชมรมรถจิ๊ปลุยช่วยชาวบ้านแล้ว-เรียกร้องเจ้าพนักงานที่ดินเด้งตรวจสอบนายทุนถมลำคลองปิดกั้นทางน้ำว่าออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โซเชียลถามกลับ “พรรคส้ม” รู้ยังมีทหารไว้ทำไม? หลังเกิดเหตุการณ์ "กลุ่มว้าแดงและทหารไทย"
ผบ.สอ.รฝ.ประดับเครื่องหมายเลื่อนยศ นักรบต่อสู้อากาศยาน 46 นาย
‘สามารถ’ คอตกศาลไม่ให้ประกัน เตรียมส่งเข้าเรือนจำ ส่วน ‘แม่’ วางเงิน 5 แสนบาท ได้รับปล่อยตัว
"กองทัพภาคที่ 3" แถลงข่าวแจงพื้นที่ "กองกำลังว้าแดง" ตั้งฐานปฏิบัติการลุกล้ำไทย ยังไม่มีการสำรวจ หรือปักปันเขตแดน
ตึงเครียด! “ว้าแดง” บุกประชิดชายแดนไทย “บิ๊กอ้วน” พูดแล้ว รบ-ไม่รบ
ชาวบ้านเดือดร้อนหนักน้ำท่วมเดือดร้อนแสนสาหัส - หลังนายทุนออกโฉนดที่ดินถมลำคลอง"ห้วยพาน" ปิดกั้นทางน้ำสิ้นเชิง นายกเล็กฯ เบื้องต้นระดมกำลังช่วยเหลือ ที่ร้องเรียนเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบว่าออกจะโดดที่ดินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่แต่กลับ ล่าช้า อึดเหมือนเรือเกลือ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น