พังพินาศเกม “ก้าวไกล” ยื้อ 10 เดือนตั้งรัฐบาล

เกมก้าวไกลยื้อ 10 เดือนรอ สว.หมดวาระค่อยตั้งรัฐบาลพังไม่เป็นท่า เหตุไม่มีใครเล่นด้วย ชี้ประเทศชาติต้องเดินหน้าได้รัฐบาลใหม่มาบริหารงานในเร็ววัน ด้าน "สมชาย แสวงการ" สับแนวคิดพรรคสีส้มไม่เคยคำนึงถึงประเทศชาติ ขณะที่นักวิชาการกฎหมายแนะเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูประกาศตัวเป็นอิสระจากก้าวไกล

อาการฟาดงวงฟาดงาของพรรคก้าวไกลที่กำลังดิ้นสุดๆ เพื่อหวังจะให้ตนเองอยู่ในสมการการร่วมรัฐบาลด้วยการแสดงท่าทีว่าไม่ยอมให้ฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคการเมืองเพื่อเกาะกันให้เหนียวแน่น ตามด้วยการเสนอแนวคิดให้ 8 พรรคการเมืองรอไปอีก 10 เดือนเพื่อให้ สว.หมดวาระตามบทเฉพาะการ จากนั้นค่อยมาตั้งรัฐบาล

ความหมายของเงื่อนเวลา 10 เดือนของก้าวไกล หมายถึง ก้าวไกลจะยื้อเพื่อรอวันที่ ส.ว.หมดวาระช่วงเดือน พ.ค. 67 และแม้ว่า ส.ว. จะยังรักษาการอยู่ แต่ก็จะหมดอำนาจหน้าที่ในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี  ดังนั้นถ้า 312 เสียงยังเกาะกุมกันเหนียวแน่นไปจนถึงวันนั้นเชื่อว่าจะสมหวังได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่อน

พฤติกรรมของก้าวไกลที่หน้ามืดตามัวอยากเป็นรัฐบาลจนหลงลืมหลักการไปหมดทั้งในช่วงหลังการเลือกตั้งหากใครยังจำกันได้ พรรคก้าวไกลกระเหี้ยนกระหือในการรีบจัดตั้งรัฐบาลมาตลอด แต่เมื่อถึงวันที่ตนเองล้มคว่ำหกคะเมนกลับมาเรียกร้องเรื่องแบบนี้

คำถามคือ “ประเทศชาติจะรอได้หรือไม่” เพราะขนาดคนในกลุ่มขั้วอำนาจเดิมอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยังเอ่ยปากว่า “ไม่ควร” หรือแม้กระทั่ง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะแยะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถ่วงเวลาไปอย่างนั้น รัฐบาลจะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็ลำบาก จะใช้งบกลางก็ลำบาก จะเสนองบประมาณใหม่เข้าสภา ก็ทำไม่ได้

 

ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังยืนยันชัดเจนว่า ภูมิใจไทยรอไม่ได้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานของประเทศ และขอส่งกำลังใจให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ส่วนพรรคภูมิใจไทย หากมีเรื่องใดสามารถพูดคุย หรือช่วยเหลือได้ ก็ยินดีที่จะทำ

เช่นเดียวกับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความคิดเห็นว่า ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าหลายฝ่ายอยากเห็นรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ยังถือเป็นหน้าที่ของ 8 พรรค 312 เสียงอยู่ ในการจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

แม้กระทั่งหมด “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังออกมาสวนแนวทางข้อเสนอให้รอไปก่อน 10 เดือนว่า สิ่งที่เราต้องดูในรายละเอียดจะเป็นไปตามที่เราคาดหวังหรือไม่ แต่ประเทศไม่สามารถรอได้ เพราะมีวิกฤตในเรื่องเศรษฐกิจและสังคม

เกมของก้าวไกลมีแนวโน้มจะแท้งตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น เพราะไม่มีใครเล่นด้วย โดยเฉพาะเพื่อไทยที่ถือแต้มต่อทั้งกระดาน ล่าสุด “นรวิชญ์ หล้าแหล่ง” อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตทีมทนายความของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สว.ไม่ได้อยู่อีกแค่อีก 10 เดือน และ สว.รักษาการณ์ยังมีสิทธิ์เลือกนายกได้ แม้รัฐธรรมนูญ 60 ในบทเฉพาะกาลมาตรา 269 กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของ 250 สว. ไว้ 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 แต่ตราบใดยังไม่มี สว.ชุดใหม่ สว.ชุดเดิมก็ยังคงรักษาการณ์ต่อไป จนกว่า สว. ชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 269(6) และ มาตรา 109

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนคำว่ารักษาการนั้น เมื่อดูรัฐธรรมนูญ 60 เห็นได้ว่าไม่มีบทบัญญัติและบทเฉพาะกาลใด ห้าม สว. รักษาการเลือกนายกรัฐมนตรี ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ 2561 แล้ว จะเห็นได้ว่ามีกระบวนการขั้นตอนมาก ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน อย่างน้อย 6 เดือน หรือ อาจ 1 ปี ได้ ฉะนั้นคาดว่า สว. ชุดนี้จะอยู่ได้อีกไม่น้อยกว่าหนึ่งปีครึ่ง หรือสองปี เป็นอย่างน้อย

น่าสนใจยิ่งนักกับความคิดเห็นของอดีตทนายความยิ่งลักษณ์ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อกางรัฐธรรมนูญในมาตรา 269 (6) ระบุว่า เมื่ออายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลงตาม (4) ให้ดำเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา 107 ต่อไป และให้นำความในมาตรา 109 วรรคสามมาใช้บังคับโดยอนุโลม

ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 109 อายุของวุฒิสภามีกำหนดคราวละห้าปีนับแต่วันประกาศผลการเลือก สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือก เมื่ออายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลง ให้สมาชิกวุฒิสภาอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภาขึ้นใหม่

เมื่อวิเคราะห์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 269 (6) และรัฐธรรมนูญมาตรา 109 จะพบว่ากฎหมายบัญญัติให้ สว.รักษาการณ์ไปจนกว่าจะได้ สว.ชุดใหม่ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวอาจจะใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อย 6 เดือน หรือ อาจ 1 ปี ดังนั้น สว. ชุดนี้จะอยู่ได้อีกไม่น้อยกว่าหนึ่งปีครึ่งตามที่อดีตทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความคิดเห็นไว้

ส่วนประเด็นคำว่ารักษาการนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะไม่มีบทบัญญัติและบทเฉพาะกาลใด ห้าม สว. รักษาการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่ปัญหาคือคงไม่มี สว.ท่านใดต้องการจะถือครองอำนาจยาวนานไปถึงตอนนั้น เพราะประเทศชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นการออกมาหย่อนความคิดเห็นของอดีตทนายความ”ยิ่งลักษณ์” อาจประสงค์แค่ออกมาตีโต้ก้าวไกลเพียงแค่ต้องการให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลในเร็ววันเท่านั้น

ประเด็นข้อถกเถียงดังกล่าว “สมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ออกมาระบุว่า ความจริงแล้ว สว.ทุกคนอยากให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จไปลุล่วงไปด้วยดี โดยปัญหาทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ สว.แต่เป็นเพราะพวก ส.ส.โดยเฉพาะกลุ่ม 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถรวมเสียงได้ ส่วนตัวมองว่า รัฐบาลใหม่ไม่ควรลากไปอีก 10 เดือน เพราะประเทศชาติต้องเดินหน้าไม่ใช่มาหยุดชะงักเพียงเพราะพรรคก้าวไกลต้องการเป็นรัฐบาล

“คิดหรือไม่ว่าถ้าไปตั้งรัฐบาลในอีก 10 เดือนข้างหน้า ประเทศจะเสียหายแค่ไหนทั้งเรื่องภาพลักษณ์ และการจัดสรรงบประมาณต้องหยุดชะงักไปหมด ดังนั้นถ้ามีรัฐบาลในเร็ววันประเทศชาติจะสามารถขับเคลื่อนได้ ไม่ใช่มารออีก 10 เดือน โดยมาโยนความผิดให้ สว.คงไม่ถูกต้องนัก ซึ่งการกระทำของก้าวไกลไม่เหมือนกับช่วงหลังเลือกตั้งที่ออกมาบอกว่า ประเทศชาติต้องเดินหน้า เราต้องมีรัฐบาลปะชาธิปไตยในเร็ววัน แต่พอมาถึงวันที่ไม่ได้เป็นดั่งหวัง ก้าวไกลกลับมาเรียกร้องให้รอไปอีก 10 เดือน ซึ่งดูมันเป็นเรื่องย้อนแย้ง และขอยืนยันว่า ส.ว.ไม่ได้มีปัญหา”

“ส่วนที่อดีตทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกอ้างข้อกฎหมายต่างๆ ว่า สว.อาจมีสิทธิเลือกนายกฯรัฐมนตรีได้หลังจากครบวาระ 5 ปีตามบทเฉพาะการนั้น ผมมองว่า เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนกำหนดให้เรามีวาระ 5 ปี สว.คงมีอำนาจเลือกนายกฯตามบทเฉพาะการเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ สว.หมดวาระต้องรักษาการต่อไปก็เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเราต้องการถือครองอำนาจตามที่ใครกล่าวหา

 

ส่วน “รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก” นักวิชาการด้านกฎหมาย ย้ำว่า เรื่องการเลื่อนออกไปอีก 10 เดือนนั้นไม่ใช่เรื่องของรัฐสภา แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งแผ่นดิน ซึ่งไม่ใช่แค่ 14 ล้านเสียงที่เลือกก้าวไกล แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพาประเทศไทยผ่านไปให้ได้เพราะความขัดแย้งครั้งนี้มีทางออกแน่นอนอยู่ที่ ดังนั้นถ้าจะเลื่อนไป 10 เดือน เพื่อไทยต้องปลดล็อกเอ็มโอยูที่ทำกันไว้ ทุกพรรคจะเป็นเอกเทศ ดังนั้นการสลายเอ็มโอยู พรรคเพื่อไทยจะไปจับกับใครก็ได้ ทุกพรรคต่างเป็นอิสระ ไม่ต้องมายึดติดกับก้าวไกล

จากมุมมองของบรรดาแกนนำพรรคการเมือง และสว. รวมถึงนักวิชาการ เชื่อว่า แนวคิดเงื่อนเวลารอไป 10 เดือน เพื่อให้ สว.หมดวาระของพรรคก้าวไกลน่าจะล้มไม่เป็นท่า เพราะดูแล้วคงไม่มีใครเล่นด้วย เพราะประเทศชาติจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ดังนั้นการมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้

 


เปิดตี้ชอป 1 แถม 1 เฉพาะสมาชิก ที่ Watsons

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/08JZ3

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น