จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดไต่สวน มีมติยกคำร้อง “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ผิดคดีอาญา ม.151 กรณีที่รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัคร จากการถือหุ้นไอทีวี โดยให้เหตุผลว่า ไม่พบไอทีวีประกอบกิจการนั้น
"เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ไม่ติดใจ กกต.ชุดไต่สวน ตีตกคำร้อง "พิธา" ผิดอาญา ม.151 เหตุไม่พบไอทีวีประกอบกิจการ เชื่อไม่มีผลต่อคำวินิจฉัย พร้อมติงสื่อ-นักกหมาย ตีความกฎหมายไม่แตก ซัดฝ่ายกฎหมาย "พิธา" อ่อนหัด แนะให้รอดูวันที่ 16 ส.ค.นี้ ศาลจะรับคำร้องของผู้ตรวจการหรือไม่ ชี้เด็กบางกลุ่มมีพฤติกรรมเรียกร้องเกินกรอบ ก้าวร้าว ไม่สุภาพ ไร้สติปัญญาต่อสู้ อ้างประชาธิปไตย แต่กลับทำตัวอนาธิปไตย
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค. 66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องเดิมที่กกต.ตั้งขึ้นมาจากคำร้องชุดแรก ของตนที่ร้องในประเด็นที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีลักษณะต้องห้าม ในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เพราะถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ซึ่งกกต.ตีตกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า มันืมีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นมา จึงดำเนินการตามกฎหมายการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 ที่ระบุว่า รู้อยู่แล้วแล้วมาสมัคร พร้อมตั้งคณะกรรมการ เพื่อมาไต่สวนประเด็นนี้ กระทั่งพบว่า ไอทีวี ไม่มีการดำเนินกิจการ และมีรายได้ ตนจึงไม่ติดใจอะไร ส่วนตัวไม่เคยให้น้ำหนักแต่แรกอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ร้อง ในประเด็นนี้ตั้งแต่แรก ถือเป็นอำนาจที่กกต.ทำได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่กระบวนการมันนาน ต้องผ่าน 3 ศาล หากกกต.ไม่ยกคำร้อง บางทีตำรวจหรืออัยการก็อาจจะยกคำร้องได้ ถือเป็นเรื่องปกติ
นายเรืองไกร ยังกล่าวต่อไปว่า กรณีนี้ คล้ายกับกรณี การถือหุ้น วี-ลัค มีเดียฯ ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยถือหุ้น และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ แม้ว่า จะเลิกประกอบกิจการแล้วก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายธนาธรก็พ้นสภาพการเป็นส.ส. กกต.ก็ส่งเรื่องนี้ไปดำเนินการทางอาญาเหมือนกัน และมีการยกคำร้องในชั้นอัยการ
กรณีนายพิธาที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมให้ยื่นคำชี้แจงในประเด็นดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะอยู่ในขั้นดำเนินการ ซึ่งนายพิธาเองก็อาจจะนำเรื่องนี้ไปร้องว่า กกต.ยกคำร้อง ตนถามกลับว่าศาลจะฟังหรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญท่านก็มีวิธีการของท่าน หากไม่กลับคำร้อง ก็จะวินิจฉัยต่อไปคล้ายกับประเด็นของนายธนาธร หลังจากนี้ ต้องรอดูในวันที่ 16 ส.ค. กรณีที่ผู้ตรวจการฯ ยื่นคำร้องให้ศาล รธน. ชี้ขาดประเด็นสภาฯ มีมติห้ามส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯซ้ำ พร้อมขอให้ชะลอโหวตนายกฯ รอดูว่า ศาลจะรับคำร้องหรือไม่ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินอ้างมาตรา 213 ส่วนคำร้องที่ผู้ตรวจการขอให้ศาลสั่งให้รัฐสภาหยุดการประชุมไว้จนกว่า ศาลจะมีคำวินิจฉัยก็ต้องรอดูว่าศาลจะมีอำนาจขอบเขตมากน้อยแค่ไหน ต้องดูประเด็นกฎหมายไปทีละประเด็น อย่าเอามาผสมปนเปกัน ดูจากกระแสข่าวตามที่นักกฎหมายออกมาพูด รู้สึกว่าจะจับแพะชนแกะจับหมูชนหมา จับวัวชนควายจนงงไปหมด เหมือนการแยกกฎหมายไม่ถูก และแยกอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรไม่ถูกต้อง ตนเชื่อว่า ตนพูดข้อกฎหมายชัดกว่า นักกฎหมายบางคนในบ้านเมือง
นอกจากนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยังกล่าวถึงพฤติกรรม การออกมาเรียกร้องของเด็กบางกลุ่ม ที่ได้มีการออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต สังคมต่างตำหนิติเตียน กลุ่มที่ออกมาเรียกร้องพวกนั้นก็ไม่เยอะ มีพฤติกรรมการกระทำที่หยาบคาย ไม่สุภาพ แสดงบทบาทต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ใช้วาจาไม่เหมาะสม จึงไม่ได้ใจสังคม ได้แต่ใจพวกพ้องตนเองที่มีเพียงกลุ่มน้อยนิด ไม่ต่อสู้ด้วยสติปัญญา อยากให้ทุกคนได้คิดว่าอะไรที่ผิดพลาดไปแล้ว ให้กลับมาคิดและแก้ไข และต่อสู้ในหลักการที่ใช้สิทธิ์ได้ แต่ห้ามละเมิดสิทธิของผู้อื่น อย่างเช่นเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการขว้างปาขวดน้ำใส่นักข่าว ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแปร ในเมื่อคุณอ้างประชาธิปไตยแต่วิธีที่คุณทำมันอนาธิปไตยต้องสำเหนียกตัวเองด้วย
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงประเด็นที่ นายพิธา ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า กรณีดังกล่าวนั้นอาจถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็สามารถทำได้เพราะว่าเป็นสิทธิ์ เพราะออกมาบอกตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว ตนอยากถามกลับว่าใครแกล้งให้คุณไปถือหุ้นเพราะการถือหุ้นไอทีวี 18 ปีที่ผ่านมากลับไม่มีการออกมาปฏิเสธมีเพียงการแก้ต่างว่า เป็นเพียงผู้จัดการมรดก ไม่ได้มีการขายหุ้นใดๆ แต่กลับมีการออกมาเถียงว่า ไอทีวีจอดำ บางรายบอกว่า วันนี้หาสถานีไอทีวีไม่เจอ ถามกลับคุณอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 18,19 ให้ถ่องแท้ก่อนว่าหลักการพินิจพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเขาวินิจฉัยกันอย่างไร สำหรับมาตรา 98 (3) หรือจะย้อนไปอ่านคำวินิจฉัยของนายธนาธรด้วยก็ได้ แต่คุณไม่ใช้หลักการนี้มาโต้ ไม่ได้ใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาโต้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปนำคำวินิจฉัยของศาลฎีกามาโต้ มันคนละเรื่องกัน เรื่องที่พยายามจะสู้กับผมจึงบอกว่าฝ่ายกฎหมายยังอ่อนหัดยังมีอีกหลายเรื่องที่เขียนได้ผิดพลาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง