“ชูวิทย์” แฉซ้ำดาบสอง “นิติกรรมอำพราง” ซัด “แสนสิริ” ปล่อยกู้พิรุธ 1,000 ล้าน

โดยก่อนหน้า วานนี้ (15 ส.ค.) นายชูวิทย์ แถลงข่าวแฉเรื่องลับ ลวง พราง ทำนิติกรรมอำพรางเกี่ยวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทแสนสิริจำกัด มหาชน ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยเริ่มต้นโดยการนำคำฟ้องมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกล่าวว่า เอกสารคำฟ้องนี้เป็นคำฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทั้งคู่ฟ้องตัวเองในข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ตนเองจึงใช้สิทธิ์ฟ้องร้องกลับในข้อหา ฟ้องเท็จ แต่ไม่ขอเรียกค่าเสียหายมากขนาดนั้น ขอเรียกค่าเสียหายแค่ 90,000 บาท จากนี้จะไปยื่นฟ้องที่ศาลอาญาต่อไป พร้อมยืนยันว่า วันนี้มาพูดเรื่องบุคคลที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตนเองไม่เกี่ยวกับรื่องการเมือง พรรคเพื่อไทยสามารถเสนอบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งตนเองเป็นเพียงประชาชนที่ขอวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น และยังบอกอีกว่า วันนี้เป็นวันเกิดของตนเอง ก็ขอปฎิบัติภารกิจ แฉเพื่อชาติ ซึ่งวันนี้เป็นตอนที่เรียกว่า ”ปั่น” ก็คือ ปั่นที่ดิน “บวม” ก็คือการบวมเงิน และ “ตัดตอน”

สำหรับเนื้อหาในภารกิจแฉเพื่อชาติ นายชูวิทย์ ระบุว่า กระบวนการนี้เริ่มต้นจากที่ดินหรูที่ตั้งในซอยทองหล่อ เป็นของคุณหมอท่านหนึ่ง มีโฉนด 10 แปลง ถือกรรมสิทธิในชื่อ บ.เอ็นแอนด์เอ็น เจ้าของตัวจริงมี 4 คนการซื้อที่ดินคือต้องซื้อบริษัท โดยบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 100 ล้าน มีหนี้จำนองกับธนาคาร 465 ล้าน รวมเป็นเงิน 565 ล้านบาท จึงมีการจัดหานอมินี เป็นแม่บ้าน ชื่อพินิช กับ รปภ. ชื่อสมศักดิ์ ขอยื่นกู้วงเงิน 1,000 ล้านบาท กับ บ.อาณาวรรธน์ ทุนจดทะเบียน 10 ล้าน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ เมื่อได้เงินกู้ 1,000 ล้าน ก็นำไปจ่ายซื้อ 565 ล้าน แล้วเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นจากเจ้าของเดิมมาเป็นชื่อนอมินี หลังจากนั้น แสนสิริก็ไปซื้อที่ดินต่อจากบริษัทนอมินี ก่อสร้างคอนโดในราคา 957.55 ล้าน แต่เป็นโฉนด 9 แปลง โดยเก็บโฉนดไว้อีก 1 แปลง รวมถึงกำไรจากเงินทอน 435 ล้าน และเมื่อ บ.เอ็นแอนด์เอ็น ขายที่ดินให้แสนสิริแล้ว บ.เอ็นแอนด์เอ็น ก็ถูกทำให้เป็นบริษัทร้าง

ส่วนนอมินีที่ ชื่อ น.ส.พินิช ถือหุ้น 99.98% บ้านอยู่มหาสารคาม อาชีพแม่บ้าน ไม่พบข้อมูลการเสียภาษี ที่บ้านเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ส่วนนอมินี ชื่อ นายสมศักดิ์ ถือหุ้น 1% อาชีพ รปภ. และนายสมศักดิ์ยังมีชื่อเป็นกรรมการอีก 5 บริษัท หนึ่งในนั้นเป็นบริษัทรถรับส่งภายในโครงการของแสนสิริ

นายชูวิทย์ เปิดเผยอีกว่า ที่ดินแปลงนี้แค่ตัวอย่าง จากทองหล่อจะไปสุขุมวิทตอนต้น สุขุมวิทอ่อนนุช เอาบริษัทต่างประเทศถือหุ้น เงินถูกนำไปต่างประเทศ ผมตามข้อมูลไปถึงสหรัฐ Mr.T หรือขงเบ้ง ซื้อโรงแรม 5 ดาว 6 ดาว แต่ไม่เคยมีประวัติเสียภาษี เป็นคนข้างกายของนายเศรษฐา Mr.T ทำธุรกิจอสังหาฯ แต้ล้มในช่วงต้มยำกุ้ง ทำแบงก์ล้มไป 8 หมื่นล้าน ซึ่งตนเองจะสู้กับคุณทุกศาล ยอมฉีดยาฆ่ามะเร็งเพื่ออยู่สู้กับคุณ ตนเองไม่ได้วิจารณ์เรื่องส่วนตัว นายเศรษฐาเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่มีพฤติกรรมซ่อนเร้น อำพราง ปิดบัง ไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นนายกฯ ทำให้ต้องกังวลใจว่า เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะตั้งบริษัทดิจิทัลไว้รองรับหรือไม่ ถ้านายเศรษฐาไม่ยอมถอย ผมจะแฉต่อ มาด้วยรถความเร็วสูงก็ต้องตกไปของธรรมดา พรรคเพื่อไทยยังมีบุคลากรที่มีความสามารถอีกเยอะ หลังจากนี้จะไปยื่นให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจธรรมาภิบาล บมจ.แสนสิริ และยื่น สว.ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐาด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนจบการแถลงข่าวนายชูวิทย์อธิษฐานขอพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด 15 ส.ค. โดยกล่าวว่า ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายของผม ขอร่วมอธิษฐานในวันเกิด ขอให้สังคมไทยมีสติว่าเราไม่ใช่เจ้าของประเทศ เราเป็นเศษเสี้ยวและฟันเฟืองหนึ่ง

Global Deals ทุกวันพุธ!!

รับโค้ดส่วนลดเพื่อ 15%

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/qS40K