“ชูวิทย์” ลุยบี้หนักแสนสิริ ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” สอบเลี่ยงภาษี-สวมชื่อนอมินีซื้อขายที่ดิน

"ชูวิทย์" ลุยบี้หนักแสนสิริ ร้อง "บิ๊กโจ๊ก" สอบเลี่ยงภาษี-สวมชื่อนอมินีซื้อขายที่ดิน

17 สิงหาคม 2566 ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นกล่าวโทษต่อคณะกรรมการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนอมินีซื้อขายที่ดิน ในข้อข้อหาทำเอกสารอันเป็นเท็จ จัดตั้งบริษัทนอมินี และฟอกเงิน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า เอกสารหลักฐานที่นำมายื่นต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีใจความสำคัญอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือที่ดินถนนสารสิน ขอให้มีการตรวจสอบว่ามีการกระทำการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ในส่วนนี้ตนมีรายละเอียดว่าการโอนที่ดินดังกล่าวมีการแยกโอน 12 คน 12 วัน ใช้เวลารวมสาเหตุ 3 อาทิตย์ เพื่อเป็นการเลี่ยงจ่ายภาษีแบบกลุ่มบุคคล ที่ผ่านมากรมที่ดิน กรมสรรพากรและคำพิพากษาล้วนมีการตัดสินพฤติการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว แต่การที่ตนนำข้อมูลที่สำคัญมาให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อให้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวน ว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหลบเลี่ยงภาษี ไม่ใช่การวางแผนภาษี

ข้อมูลที่นำมายื่นอีกส่วน คือประเด็นที่ดินบนถนนทองหล่อ ส่วนนี้นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีการจัดตั้งนอมินีขึ้น 3 รายเป็นแม่บ้าน 1 ราย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 1 รายเข้ามาแสดงชื่อซื้อขายที่ดิน ซึ่งคำถามที่สังคมสงสัยคือ นอมินีทั้ง3 คนนี้เป็นของใคร แต่ตนจะขออธิบายว่า คำถามนี้สามารถสังเกตได้คือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 บุคคลทั้ง 3 ได้เงินมาจากใคร

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

และในวันเดียวกันพบว่ามีการทำ 3 นิติกรรม คือเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด, กู้เงิน 1 พันล้านบาทจากบริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด และการปลดจำนองหนี้กับธนาคาร 465 ล้านบาท

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนขอให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรียกตัวในส่วนผู้ขายที่ดินที่มีตัวตนชัดเจนเป็นนายแพทย์โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มาสอบถามว่าในการเจรจาขายที่ดินได้เจรจากับใครตนเชื่อว่าหมอไม่กล้าโกหก หมอก็กลัว และคิดว่าหมอไม่ได้เจรจาซื้อที่ดินหลักร้อยล้านกับแม่บ้านหรือรปภ.แน่นอน

ท่านรองผบ.ตร.ต้องเรียกแม่บ้าน รปภ. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้องในการซื้อที่ดิน มาสอบถามว่า สรุปแล้วใครเป็นผู้ไปทำนิติกรรมซื้อขาย ใครเข้าประชุมบริษัท ใครไปที่กรมที่ดินเพราะในเมื่อ บุคคลทั้ง 3 ปรากฎชื่อเป็นผู้รับซื้อที่ดิน และกู้ยืมเงินจากบริษัทแสนสิริ

“ส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องประเด็นการเมือง จึงขอรบกวนท่านรองผบ.ตร.เพราะท่านเป็นคนตรงไปตรงมาและชัดเจนหวังว่าบ้านเมืองนี้จะมีคนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา แค่สอบแม่บ้าน สอบรปภ. สอบเจ้าของที่ดินเก่า ก็ถือว่าจบแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า บริษัท แสนสิริ มีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงนำเงินของประชาชนไปให้กู้ผิดกฎหมาย หลายบท หลายกรรมเรื่องนี้จำเป็นที่รองผบ.ตร.ต้องทำให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นตลาดหลักทรัพย์จะกลายเป็นตลาดหลักโกง และ เงินตอนนี้ 400 กว่าล้านบาทหายไปไหน ตนหวังว่ารองผบ.ตร.จะทำเรื่องนี้ให้ปรากฏ ส่วนวันจันทร์ ที่ 21 สิงหาคมนี้ ตนจะจัดแถลงข่าวเป็นตอนสุดท้ายตนจะเปิดเผยข้อมูลให้เห็นธาตุแท้ของนายทุน

 

 

 

 

 

 

ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบตนจะรับเรื่อง ไว้ดำเนินการทั้งหมดและจะตรวจสอบทุกกรณีเพื่อจะทำให้ความจริงปรากฏ เรื่องนี้จะต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา จากนี้ก็จะมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด หากพบการกระทำผิดส่วนไหนก็จะดำเนินการในส่วนนั้น

โดยหลังจากรับเอกสารแล้วตนจะขอพูดคุยกับนายชูวิทย์ถึงประเด็นต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการดำเนินการต่อไป เรื่องนี้จะพยายามเร่งรัดดำเนินการให้เร็ว การสอบพยานบุคคลต่าง ๆ ถ้าเข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินการไป ตามอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าไม่ผิด ก็ต้องไม่ผิด บ้านเมืองมีระบบตรวจสอบใครจะโกหกใครทำไม่ได้ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามว่ากรณีของบุคคลทั้ง 3 ที่ระบุว่าเป็นนอมินีเป็นการถูกสวมบัตรประชาชนหรือไม่ เพราะทั้ง 3 คนออกมาปฎิเสธว่าไม่รู้เรื่อง ชูวิทย์กล่าวว่า ตามหลักที่ธนาคารจะปล่อยกู้หลัก 1 พันล้านบาท ธนาคารต้องตรวจสอบผู้กู้อย่างเข้มงวด คงไม่ได้ง่ายเหมือนการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่น

เมื่อถามต่อว่า กรณีผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าการขายที่ดินของบริษัทของลูกชูวิทย์มีการขายที่ดินมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทและหลบเลี่ยงภาษีกว่า 900 ล้านบาทพฤติการณ์นี้เหมือนของบริษัทเศรษฐาหรือไม่ ชูวิทย์ กล่าวว่า บริษัทของลูกตนไม่มีนอมินี พร้อมถามกลับสื่อมวลชนว่า รู้ไหมว่าตนเรียนจบอะไร ตนเรียนจบภาษี ไม่ได้ทำ

 

เมื่อถามว่าทำไมต้องมีการจัดแถลงครั้งสุดท้ายใกล้วันโหวตนายกรัฐมนตรี นายชูวิทย์ กล่าวว่า เพราะมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาสั่งการต่าง ๆ แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอเก็บเรื่องนี้ไว้กับตนถึงวันตาย อย่างเมื่อวานนี้ (16 สิงหาคม) มีคนโทรสั่งการไม่ให้ตำรวจมารับเรื่องร้องเรียนตน ตนขอฝากไปถึงคนที่สั่งการว่า การกระทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์ และที่บอกว่าเคลียร์หมดแล้วจ่ายเงินหมดแล้วตนไม่เคยรับเงินใครและ การที่เอาเรื่องลูกตนมาพูด ตนเป็นคนมีทรัพย์สินอยู่แล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็น คนที่รับเงิน 20 ล้านบาทมาเพื่อโจมตีตน ฟังให้ดีตนรู้หมดแต่ขอยืนยันว่าตนมีข้อมูลที่นำมาเสนอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อยากเห็นจริง ๆ : ปกรณ์ นิลประพันธ์ 
"ศุภมาส" ห่วงน้ำท่วมภาคเหนือ มอบ ม.ราชมงคลทั่วประเทศ เปิดศูนย์ประสานงานส่วนหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เชียงใหม่
“อนุทิน” น้ำตาคลอ หลังเห็นชาวเชียงใหม่น้ำท่วมหนัก แต่ยังยิ้มได้ ลั่นเรามาให้กำลังใจเขาแต่ได้กำลังใจกลับมา
นักท่องเที่ยวฮือฮา! ตะเกียงเจ้าพายุ รถจิ๊ปโบราณอายุ 82 ปี เคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2
ตร.ตามรวบถึงที่ หนุ่มปล่อย "ภาพลับ-คลิป" อดีตแฟนสาว หลังเลิกกัน ตามรังควานไม่หยุด
นทท.เริ่มเดินทางเข้าตราดลงเกาะช้าง เกาะกูดจำนวนมากแต่ยังไม่คึกคัก
"ผู้ต้องหาเยาวชน" หนีตำรวจ กระโดดลงคลองแสนแสบ จมน้ำดับสลด
สลด! หนูน้อย 6 ขวบ ลื่นตะไคร่หัวปักจมอ่างเก็บน้ำดับ แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ พุ่งกอดศพลูกด้วยความอาลัย
ไม่มีละเว้น "ทบ." สั่งขังสิบเวร ปมลงโทษทหารเกินกว่าเหตุในหน่วยลพบุรี
เปิดผลสำรวจ ความสุขในฐานะทางการเงินของชีวิตคนไทย เพิ่มขึ้น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น