จากกรณีที่มีคลิปหลุดของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ พร้อมกับพวก 7 นาย ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติด ก่อนจะทรมานเพื่อหวังรีดเงิน 2 ล้านบาท ก่อนผู้ต้องหาคนดังกล่าวขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด เมื่อทำการส่งศพไปชันสูตรกลับมีกระแสข่าวมีการตกลงกันให้แพทย์ที่ทำการชันสูตรศพ ลงความเห็นเรื่องสาเหตุการตายว่า เกิดจากการเสพยาเกินขนาด
ล่าสุด ทางรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้ติดต่อกับแพทย์ผู้ทำการชันสูตรและแพทย์เผยว่า ทางตำรวจได้ส่งศพมาให้ตน และตนได้ทำการชันสูตรเก็บหลักฐานทุกอย่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หมอยอมรับว่า ตั้งแต่รับเคสมา ก็รู้แล้วว่า เคสนี้ไม่ปกติ เนื่องจากบริเวณรอบคอของผู้เสียชีวิตไม่มีรอย แต่บริเวณข้อมือมีรอยนิดหน่อย มีแผลที่ศีรษะ แต่ไม่มีร่องรอยบาดแผลตามตัว ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจริงๆ นั้น มาจากการขาดอากาศหายใจ เหมือนกับผู้ต้องหาโดนผ้าชุบน้ำปิดหน้าให้หายใจไม่ออก แล้วถูกเอาถุงดำคลุมหัวอีกที
ส่วนสาเหตุที่หมอช่วยปกปิดความผิดนั้น เพราะหมอทำงานในพื้นที่ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และต้องยอมรับว่า ในตัวของผู้ต้องหามีการเสพยาเสพติดจริง ตอนที่ติดต่อมาตำรวจพูดจาดีมาก บอกว่าเป็น “คำแนะนำ” และหมอเคยทำงานกับคนๆ นี้ ก่อนที่ผู้กำกับโจ้จะมาด้วย
ด้าน ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เผยข้อความของบุคคลท่านหนึ่ง ว่า เคสดังกล่าว คือ มาเวรบ่ายเป็นเคสที่รับต่อมาจากโรงพยาบาลปากน้ำ มาด้วยอาการ Post Arrest (ภาวะที่เกิดขึ้นภายหลังจากหัวใจหยุดเต้น) ตำรวจให้ข้อมูลว่า คนร้ายวิ่งหนีตำรวจแล้ววูบไป แต่จริงๆ คือ คนร้ายมีเลือดออกในร่างกาย suction มีก้อนเลือดเต็มไปหมด และหมอคาดว่าเขาน่าจะโดนทำร้ายมา จากนั้นส่งเคสต่อก็พบสารเสพติดในปัสสาวะ ถามอะไรตำรวจก็บอกไม่รู้ พอคลิปออกมาก็รูเลย สงสารคนไข้มาก
ขณะที่ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ก็ได้แถลงเช่นกันว่า ผู้ต้องหาอายุ 24 ปี แอดมิทรับตัวมาจาก โรงพยาบาลปริ้นส์ปากน้ำโพ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เวลา 19.20 น. และเสียชีวิตลงในวันที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 13.20 น. และมีข้อมูลเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหาวิ่งหนีตำรวจแล้วหมดสติ ซึ่งแพทย์นิติเวชได้ชันสูตรในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ซึ่งจากการตรวจคัดกรองพบว่า พบสารเมทแอมเฟตามีน และสารแอมเฟตามีน ในปัสสาวะ จึงลงสาเหตุการตายในหนังสือรับรองการตายเบื้องต้นเอาไว้ และตอนนี้กำลังรอการตรวจระดับสารเมทแอมเฟตามีน และผลการชันสูตรพลิกศพจริง ๆ เพื่อนำมาสรุปในรายงานฉบับสมบูรณ์ซึ่งจะออกในสัปดาห์หน้า