วันที่ 22 ส.ค.66 ที่รัฐสภา นายคำนูญ สิทธิสมาน สว.ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงอภิปรายเพื่อแสดงความเห็นต่อคุณสมบัติของ เศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อผู้สมควรได้รับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเห็นควรตัดสินใจให้ความเห็นชอบตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก เพื่อสะท้อนการเลือกตั้งทั่วไปและการตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะในการบริหารราชการแผ่นดินและการกำกับตรวจสอบบริหารราชการแผ่นดิน หลังให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องอาศัยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น สว.ไม่มีส่วนเกี่ยวกับข้องด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า สว.ต้องตัดสินใจให้ความเห็นชอบตามเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเสมอไป สว.ย่อมสามารถใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจให้ความเห็นชอบแตกต่างไปจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ควรจำกัดเฉพาะกรณีที่เห็นว่าสำคัญที่สุดจริงๆ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น โดยเฉพาะกรณีที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญและระบอบการปกครองของประเทศ
"ส.ว.คำนูญ" เห็นชอบโหวตนายกฯ ตามเสียงข้างมาก เหตุไม่แก้ม.112
ข่าวที่น่าสนใจ
นายคำนูญ กล่าวต่อว่า การตัดสินใจไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร ณ ขณะนั้น เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านนั้นและพรรคของท่านยังคงมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เปรียบเสมือนเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์ทางประตูหลัง และเสมือนเป็นการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 ทั้งหมดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับทางประตูหลัง ตนเห็นว่าเป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญและระบอบการปกครอง ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านนั้นก็ไม่ได้ถอยนโยบายนี้ แม้จะมีเสียงอภิปรายคัดค้านสักเพียงใด
ดังนั้น การให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้นั้น เป็นที่ชัดเจนเพราะมีการแถลงต่อสาธารณะว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่มีนโยบายที่อาจจะเป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญและระบอบการปกครองในลักษณะดังกล่าว รวมถึงไม่มีพรรคการเมืองเจ้าของนโยบายดังกล่าวเข้าร่วมรัฐบาล ตนจึงเห็นควรกลับคืนสู่หลักการทั่วไปคือ ตัดสินใจลงมติให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของสภาฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง