ความคืบหน้ากรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ว่า การหารือเป็นไปด้วยดี โดยเป็นการส่งไม้ต่อเรื่องงาน รวมไปถึงขั้นตอนในการ ลดราคาค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จะประกาศลดราคาทันที ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีของคนไทยประเทศ
ทั้งนี้เมื่อเทียบราคาค่าไฟในปัจจุบันที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย ส่วนรอบบิล ก.ย.-ธ.ค. 66 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ระบุว่า จะต้องจ่ายที่ 4.45 บาทต่อหน่วย และไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้อีก แม้จะมีข้อเรียกร้องของภาคเอกชนที่ต้องการขอให้เฉลี่ยเหลือเป็น 4.25 บาทต่อหน่วย โดยราคาดังกล่าวเป็นการพิจารณาหลังการเปิดรับฟังความเห็นไปแล้วใน 3 แนวทางและสุดท้ายเลือกแนวทางค่า Ft เรียกเก็บที่ 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับลดลงจากงวดปัจจุบัน (พ.ค.- ส.ค.2566) จาก 4.70 บาทต่อหน่วย เหลืออยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย
ส่วนราคาน้ำมันที่ประชาชนต้องจ่ายในปัจจุบัน โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน แยกเป็นน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 47.34 บาท , แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 48.54 บาท (บางจาก), แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 39.55 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 39.28 บาท, แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 37.24 บาท และแก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 37.69 บาท
ขณะเดียวกันสำหรับกลุ่มน้ำมันดีเซล แยกเป็นซุปเปอร์พาวเวอร์ดีเซล B7 ลิตรละ 39.94 บาท (โออาร์), ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS B7 ลิตรละ 43.14 บาท (บางจาก), ดีเซล B7 ลิตรละ 31.94 บาท, ดีเซล B10 ลิตรละ 31.94 บาท และดีเซล B20 ลิตรละ 31.94 บาท
ส่วนราคา นั้น มีรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ตรึงราคาที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน