31 ส.ค.66.-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธนกรวังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันพูดคุยกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นกันเอง โดยถอดสูทออกเนื่องจากอากาศร้อน นั่งรับประทานอาหารกลางวัน มีเมนู ส้มตำ /หมูทอด ปลาร้า/ข้าวมันไก่/ไก่ทอด/หอยทอด/ไอศครีมกะทิ
พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า 9 ปี เราเลือกจำแต่สิ่งที่ดีๆ สิ่งที่ไม่ดีเราก็ไม่จำ ระหว่างนั้นก็ได้ตักชิมส้มตำปลาร้าพร้อมกล่าวว่าแซ่บนัว แซ่บหลายเด้อและบอกว่านายกเว้าลาว พร้อมบอกกับสื่อว่าก็คุยกันมาตลอดคุยมาตั้งเก้าปีแล้วมีทะเลาะบ้างอะไรกันบ้างเป็นธรรมชาติของฉันเพราะฉันเป็นของฉันแบบนี้พยายามทำให้ดีที่สุด ทำงานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างอะไรบ้างก็ขอให้อภัยกัน
สื่อถามว่าหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะไปพักผ่อนเที่ยวที่ไหน พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่าก็คงรอดูซักระยะให้เกิดความเรียบร้อยก่อน แต่ตนเองยังไม่รู้ว่าจะไปถูกหรือไม่ ยังไม่รู้เลย ที่ผ่านมานั่งรถจากบ้านมาทำเนียบทุกวัน ส่วนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ คงต้องขอให้ลุงป๊อก พลเอกอนุพงษ์ ไปก่อน ตนอยากอยู่กับครอบครัวใช้ชีวิตเพราะเวลาหายไป 9 ปี อยู่มาหลายสถานการณ์แล้วเป็นไปตามสภาวะตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันตอนนี้สภาวะอยู่ในระดับที่น่าพอใจทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะวันนี้เกิดความสงบเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจวันหน้าขอให้รักช่วยกันรักษาเอาไว้เพราะหลายอย่างตั้งหลักไว้ให้แล้วจะมาเปลี่ยนก็คงต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้างไม่ขอวิจารณ์เป็นมารยาท
และวันนี้ที่มาทำวันสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะไปเซ็นหนังสือที่บ้านเพื่อให้เกียรติครม.ใหม่คาดว่าน่าจะโดยเร็ว หากพร้อมเมื่อไหร่ตรวจสอบเสร็จ เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯก็ลงมาเมื่อนั้นแหละ ให้รัฐบาลใหม่มาจัดสถานที่ห้องทำงาน
สื่อถามว่าวันก่อนที่นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีเดินทางมาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้าพูดคุยบอกว่ามีห้องเล็กสำหรับนอนพักหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยว่าท่านสอบถามผมเองว่าสามารถนอนทำเนียบได้หรือไม่ ซึ่งก็แล้วแต่ท่าน แต่ จะนอน ก็มีห้องเล็กด้านหลัง ก็แล้วแต่ท่านเห็นท่านบอกว่าหากมีงานเยอะสำคัญ อาจจะนอนก็แล้วแต่ท่าน ซึ่งมีห้องด้านหลังแต่ผมก็ไม่เคยนอนสักที เพราะมัวรบอยู่กับสื่อ นอนไม่หลับ บางทีพูดผิดไป มีโมโหไป กลับมาก็เสียใจ ว่าไม่ควรพูด ก็รู้อยู่ ต่างคนก็การเสียใจ ดูอย่างพี่หนูไม่เคยทะเลาะใครยิ้มตลอดพี่หนูสายหวาน ส่วนฉันสายด๊าก สายดำขี้โมโห อันนี้เป็นประจำอยู่แล้วเราเป็นคนค่อนข้างที่จะคิดเร็วทำเร็วอะไรทำนองนี้บางทีก็ไม่เหมาะสมแต่เราดูที่ผลงาน ที่มันออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งก็ต้องดุบ้าง เพราะเราเคยเป็นทหารมาก่อนก็รู้อยู่ บางทีพูดเบาแต่สื่อ ก็เขียนออกมายาวรู้ใจกันขนาดนั้นเลยเขียนออกมาเป็นเรื่องเป็นราว นิยายออกมาเต็มเลย แต่ก็ไม่ได้โกรธหรอก วันเวลาพิสูจน์เอง ทุกอย่างต้องเอาบ้านเมืองไปให้ได้
สื่อถามว่าหลังจากนี้จะเหงาหรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า จะเหงาอะไรเราเป็นคนช่างคิดช่างอ่านนิสัยนี้เลิกไม่ได้อยู่แล้วก็ดูสถานการณ์ความเป็นไปเป็นมาก็คิดไปถือเป็นความคิดของประชาชนคนหนึ่งคนเราต้องกำหนดบทบาทตัวเองให้เหมาะสมว่าเมื่อไหร่ ควรจะเป็นอะไรทำตัวอย่างไร ไว้วันหลังจะส่งสื่อไปอยู่อเมริกาบ้างหลายประเทศ แต่สื่อไทยอิสระเสรีเต็มที่ เพราะนี่คือประเทศไทยเราไม่เหมือนคนอื่นอย่าลืม เพราะยังไงก็คนไทยด้วยกันขออย่างเดียวให้นึกถึงกฎหมายกันบ้างคนอื่นเดือดร้อน
“การใช้อำนาจการใช้กฎหมายก็ต้องระมัดระวังไม่ให้มันบานปลาย เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเราอยู่ตรงนี้คือฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติองค์กรอิสระมีหน้าที่บทบาท มีกฎหมายของเขา ไปก้าวล่วงไม่ได้ เราก็ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า งานอดิเรกหลังจากนี้ก็อ่านหนังสือและเลี้ยงหมา ส่วนจะเขียนหนังสือหรือไม่ขอคิดดูก่อนขอพักสมอง เจอหนังสือมา 9 ปีท่วมหัวหมดแล้วแต่จะเขียนกลอนให้คนไปทำเพลงวันหน้าจะเขียนกลอนให้นายอนุทิน ไปทำเพลง พร้อมบอกว่า เพลงที่ตัวเองได้แต่งชอบเพลง “สะพาน” เพราะมีความหมายสำหรับตน ซึ่งทหารต้องมีเพลงที่ปลุกเร้าให้มีกำลังใจในการสู้รบ
ส่วนที่มีคนแซวว่า ขอเวลาอีกไม่นาน แต่อยู่มา 9 ปีแล้ว พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เธอก็เล่นไม่เลิก ตอนนั้นคือ ตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆไม่ได้คิด ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาถึงวันนี้เธอก็รู้ว่าเค้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไรถ้าสงบเรียบร้อยก็คงไปนานแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าเรียบร้อยโอเคดี ซึ่งตอนนั้นไม่เกี่ยวกับการเมือง ต้องการทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกันเป้าหมายคือแค่นั้น
พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความปรองดอง ส่วนเลือกตั้งว่าอย่างไรก็ว่ากันมาไม่สามารถไปสั่งให้ใครปรองดองได้แต่มีส่วนร่วมให้เกิดการปรองดอง ประชาธิปไตยไม่ใช่ของผมนายกฯคนเดียวไปสั่งใครไม่ได้
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ก็ได้ร่วมร้องเพลง “สะพาน” ที่นายกฯได้แต่งขึ้น ซึ่งเพลงนี้มีความหมาย เป็นสะพานให้คนเหยียบย่ำข้ามไปท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกราด พร้อมได้ร้องเพลง สะพาน ให้ฟังและใช้มือทั้งสองข้างแตะและลูบไหล่ นายอนุทินและนายธนกร ไประหว่างร้องเพลง
พร้อมกล่าวว่า ที่ว่าอีกไม่นานตามเนื้อเพลงนั้นสิ่งที่ไม่ดีจะผ่านพ้นไปเร็วๆ ผ่านไปด้วยดีเหลือ เราก็ไปเร็ว
ส่วนอนาคตรัฐบาลอาจจะราบรื่นเรียบร้อยก็ดีก็ได้ไม่มีความคิดเห็นโนคอมเม้นต์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากถึงชาวโซเชียลมีเดีย ด้วยว่า ขอฝากความรักความคิดถึงตนไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะรัก จะชมหรือจะชอบหรือไม่ชอบ จะด่า จะว่า เพราะเป็นโลกโซเชียลมีเดียแต่ทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกันเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ใครเกลียดก็เกลียดด้วยทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล หากทุกคนบิดเบี้ยวไปหมดจะเป็นอันตรายกับประเทศ ซึ่งสื่อโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Facebook TikTok ไม่เคยทำเอง เพราะไม่ชอบ แต่ก็ต้องติดตามเพราะเป็นเรื่องของการพัฒนา โดยเน้นอ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์จะดีกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะบางทีไม่รู้จักหน้ากัน โกรธกัน ทะเลาะกันได้อย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะสังคมบูลลี่กันไปแล้ว คำว่าประชาธิปไตยก็ต้องมีรูปแบบ และบริบทที่เหมาะสม กับประเทศไทย เพราะหากไม่มี บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะสงบแบบนี้และจะมีการพัฒนาหรือไม่ การพัฒนาโดยใช้งบประมาณอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงต้องสรรหาวิธีการต่างๆ ซึ่งก็ขอให้ติดตามดูเพราะเชื่อว่าอย่างไรก็คงต้องทำอยู่แล้ว
ส่วนในอนาคตหากชาติต้องการ พลเอกประยุทธ์จะกลับมาหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่สมมติ เพราะควรสมมติ แต่สิ่งที่ดี ควรสมมติว่าให้ไปได้ด้วยดี เพราะ ถ้าคิดสิ่งที่ดี ก็จะไปได้ด้วยดี เพราะถ้าสมมติสิ่งที่ดีก็จะดี แต่ถ้าสมมติสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ดี
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสิ่งที่ประทับใจคือความรักความสามัคคี และความเข้าใจว่าเราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนและสถาบัน สิ่งใดที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วก็จะดำเนินการ แต่หลายอย่างยังติดขัดข้อกฎหมายทำให้ยังไม่เรียบร้อย
ส่วนหวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศ พลเอกประยุทธ์ ย้อนถามสื่อมวลชนว่า แล้วพวกเธอหวังอะไร เมื่อสื่อตอบว่า หวังให้ประเทศพัฒนา พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ฉันก็หวังเหมือนเธอ