ถือเป็นประเด็นร้อนจากการที่ นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เลือกวิธีการร่างหนังสือยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แทนการเข้ารับโทษจำคุก คุมขัง ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเวลา 8 ปี จากการกระทำความผิด คดีอาญา ต่างกรรมต่างวาระ ประกอบด้วย
(1) คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย
(2) คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จำเลย
(3) คดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/255ของศาลนี้ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย
ไม่เท่านั้น นักโทษชาย ทักษิณ ยังใช้วิธีการอ้างสาเหตุการป่วย ในการย้ายตัวเองจากแดน 7 เรือนจำพิเศษกรุุงเทพ มานอนพักรักษาตัว อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 14 และใช้เหตุผลจากการป่วยดังกล่าว ในการยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ คดีอาญาอันเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเรื่องการทุจริต จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากเป็นการเลือกใช้ช่องทางพิเศษทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และเท่ากับเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ในการต้องทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยอย่างหนึ่งอย่างใด
อย่างไรก็ตามวิธีการที่นักโทษชาย ทักษิณ เลือกทำเลือกใช้ในการทำให้ตนเองหลุดพ้นจากทุกการกระทำความผิด ในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ นักโทษชายทักษิณ เคยปฏิบัติมาแล้วผ่านการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. โดยการระดมล่ารายชื่อประชาชนยื่นถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายทักษิณ