เมื่อวันที่ 3 กันยายน เพจเฟสบุ๊ก CSI LA ได้เปิดคลิปคลิปการสัมภาษณ์เปิดใจของ เมนู สุพิชฌาย์ กับ พลอย เบญจมภรณ์ อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ปัจจุบันลี้ภัยต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองคนเคยอาศัยอยู่กับบุ้ง ทะลุวัง โดยเมนูกับพลอยได้เล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดของ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ตั้งแต่ช่วงรู้จักกันครั้งแรกและการตัดสินใจมาร่วมเคลื่อนไหวกับทะลุวัง ซึ่งทั้งสองคนเปิดเผยว่าในกลุ่มทะลุวัง มีการแบ่งชนชั้นว่าใครทะลุวังจริง ใครทะลุวังไม่จริง และมีความยึดติดกับคำว่าทะลุวังในการใช้เป็นคำต่อท้ายชื่อ เพื่อเกียรติยศ เพื่อการถูกยอมรับ แต่ในกลุ่มไม่มีกฏข้อบังคับ พยายามอยู่กับแบบเพื่อน อย่างไรก็ตามข้อเสียของการไม่มีกฏเกณฑ์ก็คือ มันมีการถูกบังคับเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ มีการพยายามใช้คำพูดหรือบังคับ ทำให้รู้สึกหากเราไม่ทำจะเป็นตัวแตกแยก และเข้ากับใครตรงนั้นไม่ได้เลย เลือกไม่ได้ว่าจะทำหรือไม่ทำงาน มีแต่ต้องทำ
เมนูกับพลอย เล่าอีกว่า บุ้งได้กดดันให้ใช้ความรุนแรง โดยบุ้งเสนอมาเพื่อไว้ใช้ตอบโต้กับรัฐ ทำให้มีการไลฟ์สดด่าตำรวจ ส่วนการวางแผนทำโพลในประเด็นต่างๆนั้น ทุกคนช่วยกันคิดไม่ใช่บุ้ง บุ้งทำหน้าที่ดูแลน้องเท่านั้น ซึ่งเมนูยอมรับว่าการไปเคลื่อนไหวกับทะลุวังพ่อแม่ไม่เห็นด้วย ทำให้ตนต้องย้ายมาอยู่อาศัยกับบุ้ง เช่นเดียวกับพลอยก็ยอมรับว่าพ่อกับแม่ไม่สนับสนุน และตัดเงินค่าใช้จ่ายจากพ่อทั้งหมด ทำให้ต้องพึ่งพาบุ้ง ซึ่งพลอยบอกด้วยว่าบุ้งทำตัวเหมือนเป็นพ่อกับแม่ เหมือนคลอดเราออกมา แต่อยู่ไปนานๆเข้าเริ่มมีเรื่องผลประโยชน์เกิดขึ้น เพราะการเป็นนักกิจกรรมก็ต้องออกไปทำงานหรือทำกิจกรรม เพื่อจะได้ไปขอทุนซัพพอร์ต โดยบุ้งจะใช้จุดที่เราไม่มีที่บ้านซัพพอร์ตในการขอทุนมาเลี้ยงดูเรา และตัวของบุ้งด้วย โดยที่บุ้งไม่ได้ทำงานแล้ว แต่เมื่อพวกตนหมดไฟหรือเหนื่อย บุ้งก็เริ่มแสดงความไม่พอใจเช่น ปิดประตูใส่หน้า ตะคอกใส่ ใช้คำพูดรุนแรง แสดงท่าทีไม่พอใจ และไม่เคยขอโทษ นอกจากเงินทุนสนับสนุน ยังมีเงินที่พวกตนขายของได้ เช่น สติ๊กเกอร์ แต่บุ้งก็บอกพวกตนว่า จะต้องเอาเงินส่วนตรงนี้ไปจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ เอาเงินจากเราไปหมดเลย ซึ่งตลอด 3 ปีที่ตนอยู่กับบุ้งเป็นแบบนี้มาตลอด
ขณะที่เมนูบอกว่า บุ้งไม่ค่อยกล้าทำอะไรตน เพราะตนยังมีที่พึ่ง ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่บุ้งจะใช้เลือกวิธีไปพูดกับคนอื่นว่าเราเป็นคนไม่ดี บรรยากาศที่อยู่ในห้องขณะนั้นเหมือนนรก ทุกคนไม่มีความสุข แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร อึดอัด อยากจะออกจากพื้นที่ตรงนั้น ยิ่งช่วงโดนหมายจับชีวิตแย่มาก ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย บุ้งแพนิคไปเองและมากดดันทุกคนให้อยู่ในภาวะเครียด หลังจากนั้นตนต้องไปพบนักจิตวิทยาเพื่อรักษา ทั้งที่ตนมาอยู่กับบุ้งแค่ 2-3 เดือน
ทั้งสองคนเล่าอีกว่า เวลานั้นทะลุวังมีประมาณ 10 คน แต่ออกหน้าไม่เยอะ โดยจะคอยซัพพอร์ตแนวทางการเคลื่อนไหว ประเด็นที่สื่อสาร ซัพพอร์ตเรื่องของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนที่อยู่กับบุ้งเป็นเด็กหมดเลย มีแค่บุ้งกับแฟนที่เป็นผู้ใหญ่
ส่วนประเด็นพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ทั้งสองคนยืนยันว่าไม่จริง ไม่มีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง และจริงๆพรรคก้าวไกลโดนบุ้งด่าเยอะมาก ด่ามาตั้งแต่สมัยนักเรียนเลว ซึ่งบุ้งมีแนวทางเป็นของตัวเองคือ ใช้ความรุนแรงเป็นแนวทางการเคลื่อนไหว จึงไม่มีพรรคไหนเป็นเบื้องหลัง