จับตา “อนุทิน” ประกาศเช็คบิลมาเฟีย สั่งกระทรวงหมาดไทยขึ้นบัญชีดำผู้ทรงอิทธิพลทั่วประเทศ รับไม่ได้เหตุสะเทือนขวัญยิงสารวัตรทางหลวงดับ

จับตา “อนุทิน” ประกาศเช็คบิลมาเฟีย สั่งกระทรวงหมาดไทยขึ้นบัญชีดำผู้ทรงอิทธิพลทั่วประเทศ รับไม่ได้เหตุการณ์สะเทือนขวัญยิงตำรวจดับอนาถที่นครปฐม พร้อมย้อนรอยมาเฟียไม่เคยหมดไปจากประเทศไทย แม้ในยุค คสช.รุ่งเรืองยังล้างบางไม่สำเร็จ

เป็นคดีใหญ่ในรอบหลายปีที่ผู้คนทั้งประเทศให้ความสนใจสำหรับคดีฆ่าอุกอาจสะเทือนขวัญกรณี นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่องอายุ 45 ปี ลูกน้อง นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.นครปฐมก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม โดยล่าสุดนายธนัญชัยถูกวิสามัญที่ซอยโรงเจร้างหลังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ขณะพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหลบหนีจากการจับกุม ส่วนกำนันนกมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งให้นายธนัญชัย มือปืนผู้ก่อเหตุ ยิง พ.ต.ต.ศิวกร แต่อย่างใด

 

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบในวงกว้างอีกครั้ง เนื่องจากกำนันนกผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ระดับมาเฟียใหญ่ที่ใคร ๆ ต้องเกรงใจ ซึ่งผบกระทบดังกล่าวทำให นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยขึ้นบัญชีดำผู้ทรงอิทธิพลไม่ให้เข้ามาเป็นผู้นำท้องถิ่น หลังเกิดเหตุการณ์ที่ จ.นครปฐม โดยย้ำว่า ทั้งรัฐมนตรีช่วย ผู้ว่าราชการจังหวัด และจังหวัดจะต้องขึ้นทะเบียนและคัดกรอง เพื่อไม่หใคนแบบนี้อยู่ในสังคมและบ้านเมือง เพราะประชาชนเดือดร้อน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หากไม่มองแบบโลกสวยจนเกินไปจะพบว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยนั้น มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลไม่เคยหายไปจากสาระบบของประเทศไทย เพราะคนเหล่านี้มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ จึงทำให้การขุดรากถอนโคลนล้างบางมาเฟียทั่วประเทศกลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้กระทั่งในสมัยที่กองทัพเรืองอำนาจเข้มแข็งสุด ๆ ในยุคของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีเป้าหมายหลักที่เข้ามาล้างบางมาเฟียเพื่อจัดระเบียบประเทศไทยให้ปราศจากอำนาจมืดทั้งปวง แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปอย่างที่หวังทั้งที่มีความพยายามอย่างเต็มที่

 

การปราบปรามามาเฟียในยุค คสช. เริ่มขึ้นในปี 2559 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นเป็นหัวเรือใหญ่ ส่วน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการ คสช.ในขณะนั้นเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ร่วมด้วยกับกระทรวงยุติธรรมที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นั่งในตำแหน่งเจ้ากระทรวงช่วยปัดเป่าล้างบางบรรดามาเฟียด้วยการขึ้นบัญชีดำผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศกว่า 6,000 รายชื่อ โดยในครั้งนั้น “บิ๊กป้อม” กำหนดเส้นตายว่า รัฐบาลปราบผู้มีอิทธิพลให้หมดภายใน 2 เดือน โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการหมดไม่ว่าจะเป็นสีไหน ข้าราชการฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ หรือนักการเมือง

 

การประกาศปราบปรามมามาเฟียในครั้งนั้น คสช.ไล่เช็คบิลบรรดาผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องทั้งมาเฟียวินจักรยานยนต์ รถตู้ เงินกู้ บ่อนการพนัน รวมไปถึงบรรดาขาใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ นักการเมืองท้องถิ่น และซุ้มมือปืนทั่วประเทศ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่ง คสช. ที่ 13/2559 เพื่อให้อำนาจหน้าที่ต่อเจ้าพนักงานในป้องกันและปราบปรามต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วละทันท่วงทีรวมถึงสามารถเข้าถึงพยานหลักฐานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันในส่วนของ สตช.ที่มีพล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้นดำเนินมาตรการปราบมาเฟียอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งคณะกรรมการคัดเลือกรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลให้อยู่ในกลุ่มฐาน 16 ความผิด ประกอบด้วย 1.ยาเสพติด2.ฮั้วประมูลงาน 3.การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานและสถานบริการ 4.คิวมอเตอร์ไซค์ รถรับจ้างที่ผิดกฎหมาย 5.ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน 6.บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน 7.ลักลอบค้าหญิงและเด็ก 8.หลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ9.ลักลอบนำเข้า-ออกประเทศ 10.หลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 11.มือปืนรับจ้าง 12.ทวงหนี้ ข่มขู่ 13.ค้าอาวุธ 14.บุกรุกที่ดินสาธารณะ 15.เรียกค่าคุ้มครองในที่สาธารณะ เส้นทางหลวงหรือเก็บส่วย 16.นายทุนปล่อยกู้นอกระบบ

ส่วยพื้นที่เป้าหมายได้กำหนดโซนสีแดงที่ต้องจับตามากที่สุดคือ เขตภาคกลาง เพราะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลมากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ซุ้มนครปฐมถือเป็นเป้าหมายหลักที่ คสช.ล็อกเป้า เพราะรู้ดีว่านี่เป็นถิ่นของขาใหญ่เพื่อไทย และไม่ใช่แค่ซุ้มนครปฐมเท่านั้น อดีตเด็กของเพื่อไทยอย่าง “เก่ง- การุณ โหสกุล” ก็มีชื่ออยู่ในบัญชี พร้อมกับพล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือเสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายทหารนอกราชการก็ยังมีชื่ออยู่ในบัญชีดำดังกล่าว แต่ในที่สุด คสช.ออกปฏิเสธในภายหลังว่า ไม่เคยขึ้นบัญชีดำ “เก่ง-การุณ”กับ “เสธ.ไอซ์” และร.อ.ธรรมนัส แต่อย่างใด

เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปการปราบมาเฟียของคสช. กลับกลายอ่นแรงลงและทำได้เพียงแค่ลูบหน้าปะจมูก เพราะในบางครั้งคนปราบและคนถูกปราบล้วนแต่เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน และเป็นคนกันเองที่มีทั้งสีเขียว สีกากี และนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ใครเป็นใคร

ดังนั้นจึงน่าสนใจยิ่งนักกับการประกาศชักธงรบกับบรรดามาเฟียทั่วประเทศของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยใหม่ถอดด้ามอย่างนายอนุทินว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะนี่คือสิ่งที่คนไทยกำลังตั้งตารอว่าสักวันหนึ่งกลุ่มบุคคลทมิฬเหล่านี้จะหมดไปจากประเทศไทยได้จริง เพราะมิฉะนั้นเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่จังหวัดนครปฐมจะตามมาหลอกหลอนคนไทยต่อไปอย่างมิรู้จบ…?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เจ้าอาวาสวัดดัง" พิษณุโลก เครียดหนัก เจ้าภาพกฐินเทงาน ซ้ำจ้างลิเกคณะดังมาแสดง กลับไม่จ่ายเงิน
“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยตั้งวงวาง 3 สถานการณ์เร่งแก้ รธน. ย้ำยังเป็นเรื่องที่อยู่ในเป้าหมาย
"บิ๊กเต่า" เผยกองปราบเร่งสอบปม "ทนายตั้ม" รีดเงินบอสพอล 7.5 ล้าน
Ripley's Believe It or Not! Pattaya เปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ตัวที่ 9 THE LOST PYRAMID การผจญภัย ล่าสมบัติในพีระมิดที่สูญหาย
"ทนายเจ๊อ้อย" เผยเหตุสอบปากคำนานเ ชี้ตร.เก็บทุกประเด็น ลั่นไม่มียอมความ
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
เปิดแล้ว สะพานม่วง ส่งเสริมท่องเที่ยว พร้อมให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม
รับทหารใหม่ น้องคนเล็กของราชนาวี ภูมิลำเนาภาคใต้ จากสถานีรถไฟพลูตาหลวง เข้าสู่รั้วของกองทัพเรือ
พุทธศาสนิกชนคับคั่ง งานมหากุศลทอดกฐินสามัคคีวัดเขาบายศรี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น