วันที่ 11 ก.ย. 66 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า มีความสำคัญมากต่อระบบประชาธิปไตย เป็นกลไกในการสร้างความรับผิดชอบ เป็นคำมั่นสัญญา ที่วันนี้ทางฝ่ายบริหาร ได้มาแถลงต่อหน้าผู้แทนราษฎร และจะเป็นคัมภีร์ที่เราต้องติดตามตรวจสอบไปตลอด 4 ปี แต่การแถลงนโยบายที่ดีจะเป็นสิ่งที่ช่วยกู้คืนความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อประชาชนของรัฐบาลใหม่ให้กลับคืนมาได้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่า 4 ปีข้างหน้าจะนำพา ความก้าวหน้าอะไรมาให้กับประชาชน แต่คำแถลงนโยบายที่ดีจะต้องเป็นเหมือนกับ GPS ที่จะช่วยบอกเป้าหมายว่ารัฐบาลใน 4 ปีนี้ มีเป้าหมายอะไร จะเดินทางด้วยเส้นทางไหน ด้วยวิธีการใด
เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญากับผู้ที่ร่วมทางตอนหาเสียงหรือไม่ แลพจะไปถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ แต่วันนี้ที่ได้ฟังคำแถลงนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากเอกสารคำแถลงนโยบายที่ออกมาก่อนหน้า ถ้าบอกนี่คือ GPS ประเทศนี้ก็คงหลงทาง เพราะมีแต่ความว่างเปล่าเบาหวิว แทบไม่ได้บอกอะไรกับเราเลย มีแต่คำอธิษฐานลอย ๆ กว้าง ๆ ขาดความชัดเจนของเป้าที่จะไปถึง ไม่มีการใส่ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข
โดยมีการเปรียบเทียบ การแถลงนโยบาย ของ 3 รัฐบาล ที่ได้ผ่านการรณรงค์ผ่านเสียงเลือกตั้ง ก่อนเข้ารับตำแหน่ง คำสัญญาที่ระบุไว้ในคำแถลงนโยบายอย่างเป็นจะต้องมีคนชัดเจน ทั้งในเรื่องของเป้าหมายวิธีการ มีเป้าตัวชี้วัดที่เหมาะสม และมีการกำหนดกรอบเวลาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และสามารถให้ประชาชนติดตาม ผลงานได้ว่าเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดต้องบรรจุนโยบาย ที่ได้หาเสียงไว้ เพราะมีความมั่นสัญญา ที่ได้มีให้กับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง ถ้าพรรคการเมืองไหนที่คิดจะตระบัดสัตย์ ไม่ยอมบรรจุนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ในการแถลงนโยบายหรือไม่ดำเนินนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ เพื่อได้เป็นรัฐบาลโดยปราศจาก คำอธิบายที่รับฟังได้ ถือว่าพรรคการเมืองนั้นทรยศ ต่อความไว้วางใจของประชาชน โดยมองว่าคำแถลงของนายเศรษฐา อยู่ในเกรดเดียวกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และคิดว่าพลเอกประยุทธ์แถลงได้ดีกว่าแต่ที่น่าผิดหวังไปกว่านั้นคือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มาตรฐานตก ไม่ได้รักษามาตรฐานที่เคยทำไว้ได้ดีมากในสมัยของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีกรอบนโยบายมีความชัดเจน แต่ในส่วนของนายเศรษฐา คือว่างเปล่า ไม่มีเป้าหมาย จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวกันหรือไม่ เพราะมาตรฐานไม่เหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมองว่า สาเหตุหลักที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชัดเจน เนื่องจาก 1.กลัวทำไม่ได้ ถ้าเขียนไปแล้วจะกลายเป็นข้อผูกมัดที่ให้ไว้กับประชาชน และ 2. เป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้วทำให้หาข้อสิ้นสุดของนโยบายไม่ได้สักอย่าง ทำให้ต้องเขียนกว้างๆไว้ก่อน และไม่กล้าทำเรื่องที่จะปะทะกับใคร
พร้อมยกตัวอย่างนโยบายที่หาเสียงไว้ เช่นพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน , เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท , ทุกครัวเรือนมีรายไม่น้อยกว่า 20,000 บาท,เร่งรัดออกโฉนดที่ทำกิน 50 ล้านไร่, จะปฏิรูประบบราชการด้วยรัฐบาลดิจิทัล, 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ 200,000 บาทต่อปี, ปราบยาเสพติดภายใน 1 ปี, แก้ปัญหา PM 2.5 ทุกต้นตอ, ลดราคาน้ำมันไฟฟ้าก๊าซหุงต้มทันที แต่ในการแถลงนโยบายกลับระบุเพียง พักหนี้ตามความเหมาะสม