เป็น “กรดไหลย้อน” กินอะไรดี แจกลิสต์ 4 เมนูกินยังไงให้ไม่ทรมาน

ด้วยวิถีชีวิตที่วุ่นวายของคนงาน ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปทำงาน เร่งทำงานเพื่อส่งให้ทันเวลา จนลืมเวลากินอาหาร ไหนจะต้องกลับบ้านดึกดื่น เมื่อถึงบ้านก็ต้องรีบกิน รีบนอน เพื่อใช้ชีวิตวนลูปต่อไปเรื่อย ๆ จนลืมดูแลสุขภาพตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า พฤติกรรมเหล่านี้กระตุ้นทำให้เกิดโรค “กรดไหลย้อน” ได้โดยง่ายมากขึ้น

กรด ไหลย้อน เกิดจากอะไร?

• เกิดจากการที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหารที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ หย่อนยาน หรืออาจเสื่อมสภาพ
• ทำให้ไม่สามารถกั้นน้ำย่อย กรดหรืออาหารต่าง ๆ ในกระเพาะไม่ให้ไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้
• ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอก หรือแน่นหน้าอกได้ บางคนอาจรู้สึกจุกบริเวณคอ นอนราบไม่ได้ รวมถึงมีอาการเปรี้ยวและขมที่คอร่วมได้
• การรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้กระเพาะขยายตัวมากขึ้น จนเกิดแรงดันสูง จึงมีแนวโน้มที่ทำให้กรด ไหลย้อนขึ้นมาได้

3 วิธีป้องกัน โรค กรด ไหลย้อน

• เคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อแบ่งเบาการทำงานของกระเพาะอาหาร
• เลี่ยงอาหารมื้อหนัก เพื่อไม่ให้กระเพาะทำงานหนักจนเกินไป
• หลังมื้ออาหารควรเว้นระยะเวลา 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อให้อาหารได้เคลื่อนตัวจากกระเพาะไปสู่ลำไส้เพื่อดูดซึมต่อไป

4 อาหารต้องห้าม ควรเลี่ยง ไม่ควรกินในปริมาณมาก

อาหารที่มีไขมันสูง

• ไม่ว่าจะเป็นของทอดของมันต่าง ๆ

อาหารที่มีไขมัน

• เช่น นม เนย ชีส คุกกี้ เป็นต้น เพราะ อาหารที่มีไขมันสูงจะใช้เวลาย่อยในกระเพาะนาน
• เมื่ออยู่ในกระเพาะนาน จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดกรดมากขึ้น และไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้

อาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะ

• เช่น ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด อาหารที่ทำจากถั่ว
• เพราะอาหารกลุ่มนี้จะไปเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร อาจส่งผลให้หูรูดมีช่องว่างเปิดออกมา
• ทำให้น้ำย่อยหรือกรด ไหลย้อนขึ้นมา

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง

• เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง
• เพราะ จะไปกระตุ้นให้กรดหลั่งมากขึ้น ทำให้หูรูดปิดตัวผิดปกติได้

นอกจาก การรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ การเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้อาการกรด ไหลย้อนน้อยลงได้