หลังจากที่ตำรวจได้ทำการจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับกับพวกรวม 7 คน คดีใช้ถุงคลุมศีรษะทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต เพื่อหวังรีดเงิน จำนวน 2 ล้านบาท ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มาสอบปากคำเพิ่มยังกองบังคับการปราบปราม โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง จากนั้นได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้นักข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ผ่านทางโทรศัพท์อีกด้วย
พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์โหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นว่า ที่ผ่านมาตนเองทำงานรับใช้ประชาชนมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติเรียกรับเงินจากผู้ต้องหามาก่อน และไม่เคยซ้อทรมานผู้ต้องหาลักษณะนี้มาก่อน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองพยายามเค้นข้อมูลยาเสพติดจากผู้ต้องหา เนื่องจากทราบว่า ผู้ต้องหาเป็นขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ทางภาคกลาง แต่การเค้นข้อมูลเกิดความผิดพลาดทำให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต โดยตนเองไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นหลังจากผู้ต้องหาสลบไป ยังไม่คิดว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะยังหายใจอยู่ และคิดว่าผู้ต้องหาแกล้งตาย ก่อนจะใช้น้ำสาดที่ใบหน้าเพื่อให้ผู้ต้องหาฟื้นขึ้น แต่ผู้ต้องหาไม่ฟื้น ตนเองจึงให้ลูกน้องช่วยกันปั้มหัวใจ ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เล่าอีกว่า สาเหตุที่หลบหนีไปหลังจากทราบว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตนั้น เนื่องจากตนเองรู้สึกตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง เลยหนีไปตั้งหลักก่อน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ประกอบกับตนเองอายุยังน้อยเลยทำอะไรไม่ถูก ส่วนกล้องวงจรปิดที่สั่งให้ลูกน้องรื้อออกไปนั้น ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง เพราะรู้สึกตกใจและช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการทำลายหลักฐาน และตนเองก็ไม่ทราบว่า จุดนั้นมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้อยู่ รวมถึงสาเหตุการใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหานั้น เพราะไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาเห็นหน้าตนเอง ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้ต้องหาจนถึงแก่ชีวิต
ส่วนสาเหตุที่ให้ลูกน้องแจ้งกับโรงพยาบาล ว่า ผู้ต้องหาเสพยาเสพติดเกินขนาดจนช็อกเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะได้สอบถามแฟนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาด้วยกัน ทราบว่า ผู้ต้องหามักจะเสพยาเสพติดทุกเช้า และมีอาการไม่ค่อยได้นอน ทำให้ตนเองคิดว่าผู้ต้องหาหมดสติไป เพราะการเสพยาเสพติดเกินขนาด ขณะที่กระแสข่าวติดเงินสินบนพ่อของผู้ต้องหา เพื่อไม่ให้แจ้งความเอาผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เล่าว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และไม่ได้มีการขุมขู่ครอบครัวผู้ต้องหาตามที่มีการนำเสนอข่าว ตนเองเพียงจ่ายช่วยเหลือให้ครอบครัวผู้ต้องหา จำนวน 30,000 บาทเท่านั้น
พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ยังเล่าต่ออีกว่า ในส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า มีทนายเรียกเงิน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองยืนยันว่า ไม่มีการเรียกเงินจากทนายความอย่างแน่นอน ส่วนทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ประกอบด้วย บ้านพัก รถยนต์หรูจำนวนหลายสิบคันนั้น ยืนยันว่า เป็นทรัพย์สินที่ตนเองหามาได้อย่างสุจริต และมีเอกสารยืนยันถูกต้อง โดยเหตุการณ์ทั้งหมดตนเองขอรับผิดเพียงผู้เดียว ตนเองเป็นคนสั่งให้ลูกน้องทำ ลูกน้องทั้ง 6 คน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งตนเองอยากขอโทษพ่อแม่ของผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ขอโทษผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย
ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 เปิดเผยว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งที่ไม่รู้จัก พอรับสายปลายทางบอกว่า “พี่ครับ ผมโจ้ครับ ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว ผมอยากฆ่าตัวตาย ตนเลยบอกว่า ถ้าตายแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเหลืออะไร ทำผิดต้องยอมรับผิด หนีไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” จากนั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้นัดมอบตัวที่ สภ.แสนสุข ตนเองจึงเดินทางไปรับตัว ก่อนจะนำตัวมาทำการสอบสวนตามกฎหมาย