สำนักข่าวแทสของรัสเซีย รายงานถึงบทความของศาสตราจารย์สตีเฟน วอลต์ แห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด ที่ได้เขียนวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของอิสราเอลและปาเลสไตน์ว่า โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดนี้ เป็นการยืนยันถึงความล้มเหลวของนโยบายของสหรัฐ ต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่มีมายาวนาน โดยสหรัฐนั้น ปกป้องจุดยืนของอิสราเอลในความขัดแย้งมานานแล้ว ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อความที่ว่า ต้องการค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับทั้ง 2 ฝ่าย
วอลต์กล่าวต่อว่า ในความเห็นของตน แทนที่สหรัฐจะทำหน้าที่เป็นคนกลาง ที่มีความเป็นกลาง และใช้ประโยชน์จากอำนาจมหาศาลในการกำจัดนั้น แต่ทางการสหรัฐกลับเมินเฉย ที่อิสราเอลทำการรุกล้ำเข้าไปยังที่ดินของชาวปาเลสไตน์ สหรัฐกำลังพยายามที่จะเพิกเฉยต่อบริบทที่กว้างขึ้น รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การกระทำของฝ่ายปาเลสไตน์นั้น เป็นการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อเงื่อนไขที่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและที่อื่นๆ เผชิญกันมานานหลายทศวรรษ ทั้งนี้ หากนักการเมืองสหรัฐจากทั้ง 2 ฝ่าย ลดความขลาดกลัวลง พวกเขาก็จะประณามการกระทำของฮามาสได้อย่างถูกต้อง และในขณะเดียวกัน ก็ประณามการกระทำที่โหดร้าย และผิดกฎหมายที่อิสราเอลมักก่อขึ้นด้วย เช่นกัน
วอลต์กล่าวเสริมอีกว่า การกลับคืนสู่สภาพที่เป็นอยู่ และการเริ่มเจรจา ไปกับการมีส่วนร่วมของสหรัฐและประเทศอื่นๆ นั้นอาจช่วยแก้ไขข้อขัดแย้งได้ แต่นั่นก็จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากอิสราเอลจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปฏิเสธกลุ่มฮามาส แม้กระทั่งมีความสำเร็จทางยุทธวิธีปรากฎอยู่ต่อหน้า ส่วนรัฐบาลสหรัฐก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคงว่า จะอยู่เบื้องหลังทุกสิ่งที่อิสราเอลตัดสินใจทำ