“หมอมิ้ง” ยืนกรานรัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล ไม่เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ใช้ 5.6 แสนล้านไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว

"หมอมิ้ง" ยืนกรานรัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล ไม่เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ใช้ 5.6 แสนล้านไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว

10 ต.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาลนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า เป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในนโยบายทั้งหมด เมื่อเทียบกับต่างประเทศจะพบว่า ประเทศต่างๆ กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 เดินหน้าไปมากกว่าเรา แต่ไทยเดินหน้าไปอย่างช้าๆ แม้กระทั่งไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่าเป้า แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างที่มีการพูดกัน พร้อมขอให้ลองไปถามประชาชน

 

 

 

 

 

โดยนพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา จาก 5% ตกลงมาเหลือ 0.3% แสดงให้เห็นว่าความต้องการน้อยลง แต่อัตราดอกเบี้ยจะต้องขึ้นสูงขึ้น เป็น 2.25 และ ทำให้ภาระต่างๆตกไปอยู่ที่ประชาชน ทำให้เกิดหนี้สินต่างๆ ต้นทุนของผู้ประกอบการก็เพิ่มขึ้น ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ดิจิทัลจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการ ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งเกี่ยวโยง เมื่อภาระของประชาชนสูงขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องลดค่าใช้จ่าย ด้านพลังงาน ทั้งการลดราคาพลังงาน และลดหนี้เกษตรกรที่ทำมาแล้ว แต่ขณะเดียวกันอีกด้าน เราก็ต้องสร้างรายได้ อย่างมาตรการระยะสั้นเห็นจากเรื่องการดันผลักดัน Soft Power ทำให้ประชาชนเกิดรายได้สูงขึ้น ขณะเดียวกันนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำลังปลดเรื่องกฎหมายที่เป็นภาระ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้น

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนจะมีการเปิดเวทีให้รัฐบาลได้ชี้แจงหรือไม่นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงไปแล้วหลายเวทีอย่างเมื่อวานนี้ทางกระทรวงการคลังได้มีการแถลงข่าวไปแล้ว เพื่อทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศจะมีการเจริญเติบโตขึ้น แน่นอนที่สุดว่าภารกิจของรัฐบาล จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ทุกคนยังเป็นหนี้เป็นสิน จะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากไปดูสถิติที่ครัวเรือน ไต่สูงขึ้นถึง 90% แสดงว่าปัญหาของประชาชนนั้นหนัก ส่วนจะแก้อย่างไรถือเป็นความท้าทาย หรือจะอยู่เฉยๆจนถาวรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

 

ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่หากเปลี่ยนเป้าหมาย ในการดำเนินโครงการ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นหนี้ไปแล้ว ทุกคนเปราะบางไปแล้วหรือยัง แน่นอนว่า การจัดการมีหลายวิธีให้ความเท่าเทียมกัน และขณะนี้อย่าลืมว่าผู้ที่มีรายได้มากที่จะซื้อของ หากจะซื้อของเพียง 1 บาท ก็จะมีการซื้อประกบอีกหลายส่วน

 

เมื่อถามยามว่าจะมีการเปลี่ยนเงื่อนไขจ่ายให้เด็กอายุ 16 ปีหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ย้อนถามกลับว่า เปลี่ยนทำไมครับ เนื่องจากเงื่อนไขที่เราตั้งเพื่อที่จะให้ประโยชน์ทั้งหมดที่เคยประกาศไว้ สิ่งสำคัญคือจะจัดการบริหารอย่างไร ทิศทางเรามีอยู่แล้ว เรื่องบริหารการเงินจะทำอย่างไร และที่ผ่านมารัฐบาลไทยรักไทย ทำให้ประเทศมีหนี้เกือบล้มละลาย แต่ก็สามารถคืนหนี้ได้ทั้งหมด พร้อมย้ำว่าเรายึดมั่นในวินัยการเงินการคลัง

 

เมื่อถามว่าแล้วจะตอบประชาชนได้อย่างไร นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ให้ทุกคนเท่าเทียมกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิทธิเท่ากัน คนที่เลือกจะไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร ส่วนคนที่จะใช้ก็ถือว่าเป็นสิทธิ

 

 

ขณะเดียวกันนพ.พรหมินทร์ ยังระบุอีกว่า รัฐบาลที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท เราใช้ 500,000 ล้านบาท ผมคิดว่าเราใช้อย่างระมัดระวัง และรู้ว่าเม็ดเงินที่ลงไปจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ยังมีอีกหลายมาตรการไม่ใช่มาตรการเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น