วันหยุดนี้ห้ามพลาดชม "ฝนดาวตกโอไรออนิดส์" สายธารจากเศษฝุ่นดาวหางฮัลเลย์ 21-22 ต.ค. นี้ แนะจุดชมให้อยู่ในที่มืดสนิทและห่างจากเมือง ชมด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ
ข่าวที่น่าสนใจ
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) สายดูดาวต้องดู “ฝนดาวตกโอไรออนิดส์” 21 ตุลาคมนี้ – รุ่งเช้า 22 ตุลาคม เวลาประมาณ 22.30 น. เป็นต้นไป ทางทิศตะวันออก คาดปีนี้มีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 20 ดวงต่อชั่วโมง อาจมีแสงจันทร์รบกวนเล็กน้อย แนะจุดชมให้อยู่ในที่มืดสนิทและห่างจากเมือง ถ้าฝนไม่ตก สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ
รู้จัก “ฝนดาวตกโอไรออนิดส์”
- มีอีกชื่อหนึ่งว่า ฝนดาวตกกลุ่มดาวนายพราน
- เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 2 ตุลาคม – 7 พฤศจิกายน ของทุกปี
- มีอัตราการตกสูงสุดในคืน 21 – 22 ตุลาคม 2566 คาดมีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 20 ดวงต่อชั่วโมง
- ศูนย์กลางการกระจายอยู่ใกล้กลุ่มดาวนายพราน ทางทิศตะวันออก สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
- หากฟ้าใสไร้ฝนสามารถชมความสวยงามของดาวตกโอไรออนิดส์ได้ทั่วประเทศ
- สำหรับฝนดาวตก โอไรออนิดส์ปี 2566 ในคืนดังกล่าว ดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าเวลาประมาณ 23:30 น.
- หลังจากนั้นจะไร้แสงจันทร์รบกวนจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป อีกทั้งยังตรงกับคืนเสาร์-อาทิตย์พอดี จึงเป็นโอกาสดีที่จะชมฝนดาวตก
- วิธีการสังเกตที่ดีที่สุดคือมองด้วยตาเปล่า เลือกสถานที่ที่ปราศจากแสงรบกวนหรือห่างจากแสงเมืองให้มากที่สุด จะทำให้เห็นดาวตกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฝนดาวตก โอไรออนิดส์ เกิดจากอะไร
- เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นทางการโคจรของดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) ที่หลงเหลือเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากทิ้งไว้ในวงโคจรขณะเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์เมื่อปี 2529
- แรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กเหล่านั้นเข้ามาเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก
- เกิดการลุกไหม้ เห็นเป็นแสงวาบคล้ายลูกไฟพุ่งกระจายตัวออกมาบริเวณกลุ่มดาวนายพราน มีสีเหลืองและเขียว สวยงามพาดผ่านท้องฟ้า
ดาวหางฮัลเลย์ มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ และจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดทุก 76 ปี โคจรเข้ามาเฉียดดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อปีเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2529 และจากการคำนวณคาดว่า ครั้งถัดไปดาวหางจะเฉียดดวงอาทิตย์ในช่วงกลางปี พ.ศ.2604 เท่ากับในอีก 38 ปีข้างหน้า ดาวหางที่สวยงามและสว่างที่สุดจะกลับมาปรากฏบนท้องฟ้าให้โลกได้ชื่นชมกันอีกครั้ง
ทุกครั้งที่ดาวหางฮัลเลย์เคลื่อนที่เข้ามา รังสีจากดวงอาทิตย์จะทำให้ดาวหางสูญเสียมวลของตัวเองไปจนมีขนาดเล็กลง 1-3 เมตร ในแต่ละรอบที่เข้าใกล้โลก จนสุดท้ายเมื่อมวลสารส่วนที่เป็นน้ำแข็งสลายตัวจนหมดไป ดาวหางฮัลเลย์ก็จะไม่ได้มีหางที่สวยงามเหมือนที่เราเคยเห็นในอดีต กลายเป็นเพียงก้อนหินมืดดำในอวกาศ หรืออาจแตกสลายกลายเป็นเศษฝุ่นที่ยังคงโคจรอยู่รอบ ๆ ดวงอาทิตย์
ดาวหางฮัลเลย์ ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่คำนวณ และค้นพบโดย เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ (Edmond Halley) นักฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ
ข้อมูล : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง