ปชช.เริ่มไม่มั่นใจเงินดิจิทัล หลังรัฐเปลี่ยนเงื่อนไข จนไม่น่าเชื่อถือว่าจะนำมาใช้ได้

เสียงประชาชนเริ่มไม่มั่นใจเงินดิจิทัล เพราะเปลี่ยนเงื่อนไขจนไม่น่าเชื่อถือว่าจะนำมาใช้ได้ แต่ยังมีความหวังเพื่อนำมาใช้จ่ายในครอบครัว

จากกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ตว่า ที่ประชุมได้หารือกันในหลายประเด็น แต่ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่มีการเสนอให้ตัดกลุ่มคนรวยออก โดยมีเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มี 3 แนวทางดังนี้

1. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ใช้ฐานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน จำนวน 15-16 ล้านคน งบประมาณ 160,000 ล้านบาท

2. ตัดกลุ่มคนที่มีรายได้เดือนละ 25,000 บาท หรือ มีเงินฝากในบัญชี 1 แสนบาท จะเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.3 แสนล้านบาท

3. ตัดผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือ มีเงินฝากในบัญชี 5 แสนบาท จะเหลือผู้ได้รับสิทธิ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.9 แสนล้านบาท

ส่วนรัศมีการใช้จ่าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้มีการปรับให้ใช้จ่ายได้ในระดับอำเภอ ไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะกระจุกตัวของเม็ดเงิน อีกทั้งยังมีร้านค้าเพียงพอต่อการใช้จ่าย จากเดิมที่กำหนดไว้แค่รัศมี 4 กิโลเมตร ส่วนการขึ้นเงินของร้านค้าจะต้องเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นิติบุคคล และบุคคลธรรมดาที่อยู่ในระบบภาษี

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดวันนี้ (26 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี โดยนางสาววราดา ทองเปรม อายุ 27 ปี แม่ค้าร้านต้มเลือดหมูจันทิพย์ ข้างที่ทำการเทศบาลเมืองอุทัยธานี บอกว่า อยากให้ลูกค้าที่จะได้รับเงินดิจิทัล มาใช้ที่ร้านของตนเอง แต่อาจจะมีปัญหาต่างๆ ตามมา และกลัวในเรื่องของภาษีย้อนหลัง เหมือนอย่างโครงการคนละครึ่ง ที่ร้านของตนเองเข้าร่วม แล้วผลที่ตามมา คือโดนเก็บภาษษย้อนหลังถึง 2 หมื่นกว่าบาทหลังที่โครงการหมดไปแล้ว ซึ่งอยากให้แก้ไขปัญหาภาษีย้อนหลังให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

ส่วนการใช้เงินดิจิทัลนี้ เกรงว่าจะมีปัญหาตามมาอีกเยอะเช่น บางคนไม่มีความรู้ในการใช้ เช่น ผู้สูงอายุจะไม่เข้าใจการใช้กับร้านค้า อยากให้แจกมาผูกกับบัตรประชาชนหรือระบบที่ง่ายกว่านี้ไม่ต้องมาสแกนมือถือเพราะบางคนนั้นไม่มีโทรศัพท์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตหรือประเภทสมาร์ตโฟนนั่นเองซึ่งค่อนข้างจะใช้ยาก

ด้านนางสมบูรณ์ กลบกลางดอน อายุ 64 ปี ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี บอกว่า หากแค่ 4 กิโลเมตร แถวบ้านนั้นไม่มีร้านมากพอ แต่ตอนนี้ทางรัฐบาลได้ขยายพื้นที่ใช้จ่าย ในรัศมีระดับอำเภอแล้ว รู้สึกว่าดีเพราะประชาชนจะได้มีทางเลือกซื้อได้มากขึ้น โดยตนเองนั้นจะได้ให้ลูกไปซื้ออุปกรณ์การเรียนหนังสือ ทั้งนี้ก็ยังคอยเงินดิจิทัลตามที่รัฐบาลจะแจก หากแจกจริงก็ถือว่าดี แต่หากไม่ได้ก็คงไม่เป็นอะไร ซึ่งในการแจกเงินดิจิทัลนั้นตนไม่ค่อยมั่นใจเท่าที่ควรว่าจะได้รับหรือไม่ เพราะมีคนจำนวนมากที่ต้องการ

ด้านนางสาววาสนา ชาวบ้านใจจังหวัดอุทัยธานี ได้แสดงความคิดเห็นถึงเงินดิจิทัลว่า สำหรับเงินดิจิทัลที่จะแจกน่าจะมีปัญหาตามมาเยอะ เพราะขนาดเงินยังไม่ออก ประชาชนก็รอกันแล้ว และยิ่งรู้สึกผิดหวังเพราะทางรัฐบาลเริ่มตั้งเงื่อนไข ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกไม่มีปัญหา คนไทยทุกคนได้หมด แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับมีเงื่อนไขตามมาเยอะมาก ทำให้ความน่าเชื่อถือนั้นน้อยลงไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น