ไทยเดินหน้า ตั้งด่านตรวจจับ แท็กซี่เถื่อนกัมพูชาวันแรก ไม่พบทำผิด แม้รอง ผวจ.อุดรมีชัย ขอยืดเวลาถึงปีใหม่

สุรินทร์ -ไทยเดินหน้า ตั้งด่านตรวจจับ แท็กซี่เถื่อนกัมพูชา วันแรก ไม่พบทำผิด แม้รอง ผวจ.อุดรมีชัย ขอยืดเวลาถึงปีใหม่ ด้านไทยให้เหตุผลว่า เป็นเพียงการซักซ้อม ตักเตือนประชาสัมพันธ์ ก่อนจับจริง ทำควบคู่ด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566 เวลา 07.00 น. ที่หน้า รพ.สต.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่ง จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย นายอำนาจ  บุญคง  ปลัด อ.กาบเชิง ,จนท.ทหารจากกองกำลังสุรนี,ทหารพราน,ตำรวจสภ.กาบเชิง,ตม.สุรินทร์,จนท.ฝ่ายปกครอง,กำนัน ต.ด่าน,จนท.สนง.ขนส่ง จ.สุรินทร์,และ จนท.จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันบูรณาการตั้งจุดตรวจร่วม เพื่อกวดขัน บังคับใช้กฎหมาย กรณีมีรถรับจ้างจากฝั่งกัมพูชาออกมารับจ้างอยู่ในฝั่งประเทศไทย จำนวนมาก โดยผ่านด่านถาวรช่องจอมเข้ามา ทำให้มีผลกระทบต่อรถโดยสารรับจ้างที่ถูกต้อง ของฝั่งประเทศไทย ที่ทำให้ไม่มีรายได้และมีรายได้ที่ลดลงในการรับจ้าง ที่ปรากฏตามข่าวที่ผู้เดือดร้อนได้โพสต์ลงในโซเชี่ยลจนเป็นกระแสดราม่าเมื่อปลายเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา  ทำให้ทั้ง 2 ประเทศ โดย จ.สุรินทร์ และ จ.อุดรมีชัย ต้องมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก่ปัญหาและขอความร่วมมือช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวกัมพูชาที่นำแท็กซี่เข้ามารับจ้าง ได้ทราบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย แต่ก็ยังไม่เป็นผล ยังคงมีการนำรถเข้ามารับจ้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ด่านผ่านแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ และด่านผ่านแดนช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ

จากนั้น จ.สุรินทร์ ได้มีการประชุมหารือเพื่อหาทางออกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มีมติพิจารณาเห็นชอบจาก ผวจ.สุรินทร์ให้มีการร่วมกันบูรณาการตั้งจุดตรวจร่วม เพื่อกวดขัน บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และ จ.สุรินทร์ ได้มีการส่งหนังสือถึง ผวจ.อุดรมีชัยทราบแล้ว ก่อนจะมีการประชุม 2 จังหวัดของ 2 ประเทศ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (3 พ.ย.66) ที่ห้องประชุมหน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยมีนายสันทัด  แสนทองรอง ผวจ.สุรินทร์พร้อมด้วยนายสุทธิโรจน์  เจริญธนะศักดิ์  นายอำเภอกาบเชิง,นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่ง จ.สุรินทร์,จนท.กองกำลังสุรนารี,ตัวแทน จนท.จากด่านศุลกากรช่องจอม,จนท.ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์,ตำรวจ สภ.กาบเชิง,จนท.หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา มีนายฮุน  โซเพี๊ย รอง ผวจ.อุดรมีชัย,นาย อ.กรุงสำโรง,นายแอม ปัญญาริด ประธานช่องโอรเสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ,ตม.ช่องโอรเสม็ด, ศุลกากรช่องโอรเสม็ด และหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย ร่วมประชุม

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ นายฮุน โซเพี๊ย รอง ผวจ.อุดรมีชัย ให้รับทราบ ก็ได้ขอผ่อนผันยืดระยะเวลาในการบังคับใช้กฏหมายออกไปจึงถึงพ้นเทศกาลปีใหม่ 2567 เหลือเวลาอีก 2 เดือน เกรงจะมีผลกระทบต่อชาวกัมพูชา ที่จะเข้ามาเที่ยวและซื้อสินค้า รวมทั้งรักษาพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ทั้ง รอง ผวจ.สุรินทร์ ,นาย อ.กาบเชิง และ ขนส่ง จ.สุรินทร์ ต่างก็ได้โต้แย้ง ชี้แจ้งเหตุผลและความจำเป็นที่ จ.สุรินทร์ จำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมาย อย่างไรก็ตาม การตั้งด่านตรวจร่วมในครั้งนี้ เป็นการซักซ้อม โดยมีการตักเตือนอย่างเบา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวกัมพูชาทราบ ก่อนจะมีการบังคับใช้กฏหมายที่เด็ดขาดต่อไป  ทำให้ รอง ผวจ.อุดรมีชัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ต้องฝากให้ รอง ผวจ.สุรินทร์ รับข้อเสนอดังกล่าวไปเสนอต่อ ผวจ.สุรินทร์ ซึ่งทาง รอง ผวจ.สุรินทร์ ก็ได้รับเรื่องและจะทำการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กันไปตามมติการพิจารณาของจังหวัด ภายใต้เหตุผลความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศเช่นเดิม ก่อนจะได้มีการตั้งด่านตรวจร่วมบูรณาการในวันนี้เป็นวันแรก

 

 

 

ทั้งนี้จากการตั้งด่านตรวจวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ยังไม่พบชาวกัมพูชานำรถรับจ้างเข้ามา พบเพียงรถของประชาชนชาวกัมพูชาที่ข้ามแดนมาค้าขายสินค้า และพาครอบครัวญาติพี่น้องไปรักษาอาการป่วยต่างๆ รวมทั้งไปซื้อสินค้าและท่องเที่ยว  ทั้งนี้ยังพบว่า เอกสารผ่านแดนของรถและคนขับบางคัน ไม่ได้ระบุจำนวนผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยว่ามากี่คนในเอกสารผ่านแดนของรถ  ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจของชาวกัมพูชาที่นำรถเข้ามา จึงได้มีการตักเตือนและแนะนำให้ดำเนินการและแจ้งให้ถูกต้องตามระเบียบในครั้งต่อไป

 

 

 

นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่ง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ นายสันทัด แสนทอง รอง ผวจ.สุรินทร์ เป็นหัวคณะฝ่ายไทย ได้มาคุยกับ นายฮุน  โซเพี๊ย รอง ผวจ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ประเด็นที่เขาต้องการคือขยายเวลาให้ถึงสิ้นปี และจะยังมีการวิ่งอยู่ ซึ่งทางฝ่ายไทย โดยมีนายพิจิตร บุญทัน ผวจ.สุรินทร์ ได้ประชุมร่วมกับทหาร ตำรวจ ขนส่ง และผู้ประกอบการแล้ว มีมติว่าเราจะไม่อนุญาต โดยในช่วงแรกเป็นการซักซ้อมทำความเข้าใจว่าให้หยุดดำเนินการมารับจ้างในไทย ต่อไปก็จะเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และก็ผลักดันออกไปไม่ให้มาประกอบอาชีพที่ผิดกฏหมายในไทย ซึ่งตั้งแต่มีการตั้งด่านตรวจเวลา 6 โมงเช้าเป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีชาวกัมพูชานำรถเข้ามารับจ้าง อาจจะเป็นประเด็นที่ว่าเรามีการประชาสัมพันธ์ถึงการซักซ้อมและส่งหนังสือถึง ผวจ.อุดรมีชัย ก็ได้มีการทำความเข้าใจกับรถแท็กซี่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราจะมีการประเมินผลและสุ่มตรวจเป็นระยะ ส่วนกำหนดการตั้งด่านตรวจ ไม่มี จนกว่าแท็กซี่กัมพูชาจะหมดไป เราก็คงร่วมกับทหารตำรวจ ทางปกครอง ในการดำเนินการเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งด่าน หรือการหาข้อมูลเชิงลับ และก็มีการสุ่มจับ ก็อยากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวกัมพูชา และชาวไทย ถึงการตั้งด่านในครั้งนี้ว่า เรากระทำต่อผู้ที่มากระทำผิดกฎหมาย และขออภัยผู้ที่เดินทางไม่สะดวกในช่วงนี้  แล้วถ้าหากว่าปัญหาของแท็กซี่กัมพูชาหมดสิ้นไป ก็จะกลับมาเป็นปกติ และขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่จะเดินทางเข้า จ.สุรินทร์ ใช้รถโดยสารประจำทาง และหรือรถโดยสารไม่ประจำทาง หรือรถ จยย.รับจ้าง ที่ทาง สนง.ขนส่งจังหวัดได้มีมาตรการควบคุมดูแลเป็นอย่างดี

 

ก็อยากเชิญชวนให้มาใช้รถโดยสารเพื่อที่พัฒนายกระดับมาตรฐานให้เขามีทุนที่จะประกอบอาชีพ ทำให้ผู้ที่จะเดินทางทั้งชาวไทย ชาวกัมพูชา มีรถที่มีมาตรฐานปลอดภัยไว้ใช้งาน ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องการที่จะมาเที่ยวในประเทศไทย ถ้าท่านนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้ามาเอง ก็สามารถไปท่องเที่ยว รักษาตัว หรือว่าไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้ตามปกติ ถ้าหากไม่ได้นำรถมาก็มีรถรับจ้างไว้บริการทุกประเภท และขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่า ถ้าหากพบรถโดยสารเอาเปรียบ เรื่องราคาค่าโดยสารแพงกว่าปกติ ขอให้แจ้งทาง กรมการขนส่งทางบก สนง.ขนส่ง จ.สุรินทร์ สายด่วน 1584 เราจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดและมีผลกับผู้ร้องทุกราย ซึ่งการนำเนินการในครั้งนี้ เราต้องการดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย และก็จะให้มีการเดินรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง ให้มีความปลอดภัย เราจะเข้มงวดในบริการรถของเรา และรถบริเวณหน้าด่าน ผวจ.สุรินทร์ ได้ให้นโยบายมาแล้วว่า ต้องมีความถูกต้อง เพื่อบริการประชาชนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และเป็นธรรม ขนส่ง จ.สุรินทร์ กล่าว.

 

 

 

ภาพ/ข่าว นพรัตน์  กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น