12 พ.ย.2566 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ว่า กูรูท่านหนึ่งส่งมาให้อ่านเช้านี้ครับ จากประสปการณ์ส่วนตัวที่มีญาติทำงานในหน่วยวิจัยแพทย์ทหารสหรัฐอเมริกา ที่เคยต้องซื้อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในประเทศไทยกลับเพนตากอน และเคยซื้อศพจากเมืองไทยส่งไปให้อเมริกาทดลองนับพันศพ ทำให้ผมไม่แปลกใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงครับ สหรัฐ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส ทั้ง อีโบลา โควิด และนิปาห์ ทุน 12 ล้านเหรียญ อนุมัติโดย นาย แอนโทนี เฟาซี ผ่านไปยัง Colorado state university (CSU) ร่วมกับ EcoHealth alliance นาย Peter Daszak ดำเนินการสร้างห้องปฏิบัติการขนาดพื้นที่ 14,000 ตารางฟุต (ใช้เงิน 6.7 ล้านเพรียญ) และร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน นำเข้าค้างคาวจากเอเชียทดลองเชื้อโควิด อีโบลา นิปาห์ โครงการได้เริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2023 และจะปฏิบัติการได้ในปี 2025 เปิดเผยจากองค์กรการกุศล White coat waste project จากกฎหมาย ความโปร่งใส ที่สามารถขอให้ หน่วยงาน เปิดเผยข้อมูล และเผยแพร่แล้ว ผ่านทาง X และ dailymail วันทึ่ 10 พฤศจิกายน 2023 ทั้งนี้ ผู้ให้ทุนและผู้ดำเนินการ อ้างว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถนำค้างคาวจากเอเชีย (และทั้งโลก) มาเลี้ยงและออกลูกและจะทำการปล่อยเชื้อที่สำคัญคืออีโบล่า โควิดและเชื้อนิป้าห์ โดยจะทำให้สามารถเข้าใจว่าเชื้อไวรัสร้ายแรงเหล่านี้อยู่ในตัวค้างคาวได้อย่างไรและแพร่เชื้อไปมนุษย์ได้อย่างไร
แฉ "นักวิจัยอเมริกา" สร้างห้องทดลอง นำเข้าค้างคาวจากเอเชีย เพาะเลี้ยงหาเชื้อโควิด
ข่าวที่น่าสนใจ
ห้องปฏิบัติการนี้อยู่ใน Campus ของ CSU ใน Fort Collins ทางเหนือของ Denver ซึ่งอยู่ห่างไม่มากจากที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 168,000 คน ในเดือนกันยายน 2023 NIH ได้ประกาศยุติการให้ทุนสำหรับการหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าที่ให้ในและนอกประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้วางแผนในแผ่นดิน สหรัฐเอง ในเรื่องดังกล่าว และกำลังได้รับการต่อต้านจากสมาชิกสภาของสหรัฐ ในปี 2018 นายเฟาซี ได้นำไวรัสจาก สถาบันวิจัยไวรัส อู่ฮั่นมาติดเชื้อให้ค้างคาว ที่ได้มาจากสวนสัตว์แมรี่แลนด์ ในห้องปฏิบัติการที่รัฐ Montana ทั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้าการเกิดระบาดโควิด และรายงานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดโควิดแต่เป็นหลักฐานของการเชื่อมโยงการทำงานของสหรัฐกับสถาบันไวรัสอู่ฮั่นของประเทศจีน อีกชิ้นหนึ่งนอกเหนือจากที่มีการสืบสวนสอบสวนและเปิดเผยในสภาคองเกกรส และเอกสารต่อประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม 2023
ภาพจาก Dailymail แสดงถึงพื้นที่ของห้องปฏิบัติการและพิมพ์เขียว
ดร เทรซี่ โกลด์สไตน์ ผู้ที่เป็นคนขับเคลื่อนสำคัญของโครงการ deep VZN ของ USAID ในการหาไวรัสจากค้างคาว หลังจากที่ได้รับทราบว่าจะมีการยุตติโครงการจากการที่มีการเปิดเผยข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน Post ได้ลาออกและรับตำแหน่งใหม่เป็นผู้อำนวยการของสถาบันone Health ของ CSU ในเดือน มิถุนายน 2023 และรับผิดชอบงานของห้องปฏิบัติการค้างคาวและเชื่อไวรัสต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง