เปิดลิสต์ 10 อันดับ "สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก 2024" (Best in Travel 2024) ภาคใต้ของไทยฮอตปรอทแตก ติดโผ Top 10
ข่าวที่น่าสนใจ
1. Montana (สหรัฐอเมริกา)
- ประเดิม “สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก 2024” ด้วยหนึ่งในสถานที่มีทิวทัศน์ตระการตาที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
- เต็มอิ่มกับกิจกรรมจัดเต็มบนพื้นที่กลางแจ้งกว้างใหญ่และท้องฟ้าเปิดโล่งไร้สิ่งบดบัง
- และยังมีกิจกรรมที่คนที่รักการผจญภัยได้ออกสำรวจพื้นที่ป่า พร้อมเพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัฒนธรรมพื้นเมือง
- หรือใครที่เป็นสายชิล ที่นี่ก็มีถนนให้เดินเล่นในย่านศูนย์กลางเมืองบนภูเขาโบซแมนและมิสซูลา
- นอกจากจะมีกิจกรรมให้ทุกคนได้เพลิดเพลินแล้ว มอนแทน่ายังเป็นจุดหมายปลายทางที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย
2. Donegal (ไอร์แลนด์)
- ทาสรักการผจญภัยต้องเช็คอิน บน Wild Atlantic บนเกาะ Achill County Mayo County ถนนเรียบชายฝั่งไอร์แลนด์ เส้นทางที่จะพาทุกคนทะลุมิติไปสัมผัสประสบการณ์เเสนพิเศษ บนหน้าผาริมทะเลที่สูงที่สุดในยุโรป
- ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์สวยงามสุดอลังการ และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งป้อมโบราณ ดนตรี และมรดกทางภาษาไอริช เรียกว่า ตอบโจทย์ทั้งคนที่รักการผจญภัยและคนที่หลงรักประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
3. Trans Dinarica Cycling Route (คาบสมุทรบอลข่าน ตะวันตก)
- เส้นทางที่คนรักการขี่จักรยานต้องมาสัมผัสให้ได้ เพราะที่นี่เป็นเส้นทางจักรยานสายแรกที่เชื่อมต่อกับคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก ด้วยระยะทาง 3,364 กม. (2,090 ไมล์)
- ทอดยาวผ่านสโลวีเนีย โครเอเชีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร แอลเบเนีย มาซิโดเนียเหนือ โคโซโว และเซอร์เบีย
รูปภาพ : www.transdinarica.com
- โดดเด่นด้วยทิวทัศน์ของธรรมชาติสวยงามบนเทือกเขา และทะเลเอเดรียติก และยังเป็นสถานที่ให้ความสำคัญกับการเดินทาง วัฒนธรรม อุทยานแห่งชาติ
- ขณะเดียวกันก็นำกลไกทางเศรษฐกิจยั่งยืนมาสู่ชุมชนต่าง ๆ บนคาบสมุทรบอลข่านอีกด้วย
4. Kangaroo Island (ออสเตรเลีย ตอนใต้)
- แพ็กกระเป๋าออกผจญภัยทางธรรมชาติไปยังเกาะ Kangaroo Island เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย
- สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ชมฝูงสิงโตทะเลออสเตรเลียระหว่างการเดินชมชายหาด Seal Bay
- สำรวจแนวชายฝั่งทางใต้ที่ขรุขระและชม Remarkable Rocks และ Admirals Arch
- พร้อมชมไฮไลท์เด็ด การก่อตัวของหินชายฝั่งอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนถึงสัตว์พื้นเมืองของออสเตรเลีย เช่น จิงโจ้ วอลลาบี และตัวตุ่น
5. Tuscany (อิตาลี)
- เปลี่ยนวิถีชีวิตมาสัมผัสความสโลไลฟ์ ใช้ชีวิตช้า ๆ เรื่อยแบบสบายใจ ไม่ต้องคิดมาก ที่ Tuscany สถานที่ท่องเที่ยวที่โอบล้อมด้วยทุ่งหญ้าสีทอง-เขียวอร่าม ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของอิตาลี
- เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดร่มรื่น ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างปักหมุดต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต
- เพราะ ที่นี่มองไปทางไหนก็สวยไปหมด ราวกับเดินดูงานศิลป์ในหอศิลป์ที่กว้างขวาง เหมือนโดนมนต์ต้องสะกดให้ผู้มาเยือนหลงใหลได้เป็นอย่างดี
- นอกจากความร่มรื่นแล้ว สถานที่สวยงามขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นการถ่ายรูป เหมาะมาถ่ายรูปเช็คอิน landscape สวย ๆ หรือจะเก็บภาพทำโปสการ์ดเป็นที่ระลึกก็เก๋กู้ดได้แพ้กัน
- และยังมีเมืองต้องห้ามพลาด สัมผัสประวัติศาสตร์อันล้ำค่าอย่างเมืองเซียนนา (Siena) เมืองมรดกโลก UNESCO Heritage Site ซึ่งมีประวัติยาวนานย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยโรมัน ปัจจุปัน เป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านไอศครีมจาลัตโต้ สไตล์อิตาเลียนมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองอีกด้วย
6. País Vasco (สเปน)
- สายกิน สายเที่ยวต้องติดใจ กับมนต์เสน่ห์ไม่รู้จบของ PAÍS VASCO ลิ้มรสชาติอาหารท้องถิ่นที่ไม่มีใครเทียบได้ ของซานเซบาสเตียน ตั้งแต่บาร์ pintxo (Casa Urola, Borda Berri, Bergara, Tamboril) ไปจนถึงทัวร์ชิมไวน์
- และยังเป็นโลเคชั่นเด็ดที่นักเล่นเซิร์ฟต้องมาท้าความฟิต กับคลื่นทะเลสุดมันในตำนานที่ Mundaka
- หรือจะผ่อนคลายปล่อยกายปล่อยใจให้เหมาะกับพักผ่อน ฟังเสียงคลื่นทะเลกระทบชายฝั่งก็ชิลไปอีกแบบเหมือนกัน
7. Southern Thailand (ประเทศไทย)
- เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวเอเชียกันบ้าง และอันดับ 7 นี้ไม่ใช่ใครไหนไกล นอกจากภาคใต้ของไทยนั่นเอง
- ชมมัสยิดอันวิจิตรงดงาม และศาลเจ้าอันลึกลับ พร้มอชายหาดงามอันเงียบสงบหลายไมล์ สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงแบบดั้งเดิมแบบใกล้ชิด
- จะเที่ยวทะเลก็ได้ เดินป่าก็ดี นอกจากนี้ ที่นี่ยังโดดเด่นด้วยเมนูอาหารเลิศรสจากวัตถุดิบท้องถิ่นสดใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานระหว่างไทย มาเลย์ และอินโด-เปอร์เซีย มาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ และเยี่ยมชมโลมาสีชมพูที่อ่าวขนอม นครศรีธรรมราช
8. Swahili Coast (แทนซาเนีย)
- เดินทางย้อนเวลาประวัติศาสตร์สำคัญ ซึ่งครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรการค้าอันห่างไกล เป็นเส้นทางการค้าที่ทอดยาวไปยังอาระเบีย อินเดีย และจีน
รูปภาพ : www.swahilicoast.com
- ปัจจุบัน Swahili Coast เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาทุกคนไปใกล้ชิดกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ทั้งจากเมนูอาหารพื้นเมืองชื่อดังอย่าง พิเลาหรือแกงกะทิที่มีกลิ่นหอมในร้านอาหารชั้นยอดที่มีอยู่มากมายในเมืองสโตนทาวน์เก่าของแซนซิบาร์
- ดำน้ำตื้น (Snorkeling) ดูปะการังรอบ ๆ หาดทรายขาวเนียนละเอียด หรือจะเดินเล่นรับลมชิล ๆ ริมชายหาด หลบร่มเงาใต้ต้นปาล์มใกล้กับชุมชนการค้าสวาฮิลีเก่าของปันกานี
9. Saalfelden Leogang (ออสเตรีย)
- สายแอดเวนเจอร์ถูกใจสิ่งนี้แน่นอน ของจริงจะเลิศสมคำเคลมแน่ไหนต้องลองเช็คอิน Saalfelden Leogang
- แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ชิคและไม่เหมือนใครที่สุดในยุโรปและออสเตรีย เป็นสถานที่ขึ้นชื่อในหมู่นักเดินเขาและผู้เล่นกีฬาผาดโผน รวมถึงบรรดานักปั่นจักรยานเสือภูเขา
- โดยพื้นที่ของเมือง Saalfelden และเมือง Leogang ซึ่งต่างกันที่ Saalfelden จะมีความเป็นเมืองมากกว่า ส่วน Leogang มีความเป็นธรรมชาติและชนบทมากกว่า
- โดยสถานที่เล่นสถีของที่นี่ โดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่งดงามเกินบรรยาย รวมถึงยังมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน คดเคี้ยว และมีความขรุขระ ทำให้เป็นแหล่งชวนท้าทายสำหรับการปั่นเสือภูเขา และกีฬาผาดโผนอื่น ๆ
- นอกจากนี้ ใครที่อยากชมความงามของที่นี่แบบใกล้ชิด แต่ไม่อยากเหงื่อออก ยังสามารถขึ้นกระเช้าเพื่อชมวิวสวย ๆ จากมุมสูง หรือพายเรือเล่นในแหล่งน้ำ เยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์ พร้อมดื่มด่ำกับศิลปะที่ธรรมชาติสรรสร้างบรรจงความงามราวกับภาพวาดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส
10. Far North Scotland
- ปิดท้ายลิสต์ “สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก 2024” ด้วยถิ่นวิสกี้ ดินแดนในฝันสำหรับสายธรรมชาติ ทิวเขาสลับทะเลสาบ และสำหรับใครที่เป็นสายจอบวิสกี้เบา ๆ ต้องมาลอง เพราะ ที่มีการแบ่งรสชาติและโรงกลั่นตามโซนประเทศด้วย
- Scotland เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นน้อย อุดมไปด้วยธรรมชาติสวยงามแปลกตา และสิ่งก่อสร้างตั้งแต่โบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
- หรือใครมาเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ชื่อดัง ที่นี่ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เช่น
- 007 Skyfall ให้ไปที่ Glen Etive
- Harry Potter ไปที่ Glenfinnan กับมุมรางรถไฟไป Hogwards ยิ่งมาช่วงหลังเทศกาล Easter จนถึงก่อนเข้า Winter ที่นี่จะมีรถไฟเป็นหัวรถจักรไอน้ำแบบ classic วิ่งผ่านให้อารมณ์เหมือนชาวฮอกวอร์ตที่เพิ่งเปิดเทอมได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ ยังมีเส้นทาง Trek ให้เลือกมากมาย เช่น Ben Nevis (ภูเขาที่สุงที่สุดในเกาะบริเตน) เป็นต้น
ข้อมูล : lonelyplanet
ข่าวที่เกี่ยวข้อง