นางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (หรือ IMF) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ นอกรอบการประชุมเอเปคว่า การประชุมร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในสัปดาห์นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังส่วนอื่นๆ ของโลกว่า เราต้องหาทางร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายต่างๆ ซึ่งไม่มีประเทศใดสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง การเจอกันของไบเดนและสีมีความสำคัญ ในช่วงเวลาที่การกระจายตัวของเศรษฐกิจทางภูมิศาสตร์ ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จอร์จีวากล่าวต่อว่า การพบกันของทั้ง 2 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อจำกัดทางการค้าและการลงทุน ที่ขับเคลื่อนด้วยความมั่นคงแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก แต่การเริ่มต้นการสื่อสารอีกครั้ง มีความสำคัญในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน สำหรับเศรษฐกิจโลก ความบรรเทาลงระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลเชิงบวกต่อผู้นำในการประชุมสุดยอดเอเปค นอกจากนี้ การสื่อสารระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ได้รับการฟื้นฟู จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือเกี่ยวกับความท้าทายระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
ทั้งนี้ จอร์จีวาได้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามด้วยว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ยังคงทำลายล้างประชาชนและเศรษฐกิจในฉนวนกาซา โดยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของเวสต์แบงก์ นอกจากนี้ยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจเพื่อนบ้านอย่างอียิปต์ เลบานอน และจอร์แดน ซึ่งเผชิญกับการท่องเที่ยวที่ลดลง และต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น ด้านอิสราเอลก็เช่นกัน จะเห็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากพนักงานเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์ ต้องหันไปรับราชการทหาร สงครามอิสราเอลกับฮามาสนั้น ถือว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้นในช่วงแรก และผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นได้ หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ความขัดแย้ง ขยายวงกว้างขึ้นหรือยืดเยื้อต่อไป