20 พ.ย.66 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกโห่ในงานการแปรอักษรฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรและมีกองเชียร์โชว์เสื้อและสื่อในข้อความว่า “อย่าเสือก!! เรื่องแปรอักษรของพวกกู” มาชูต่อหน้าพิธาจนเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดีย ว่า นี่แค่ส่วนหนึ่งของวิบากกรรมที่พรรคก้าวไกลก่อขึ้นจนคนไทยที่รักสงบ รักชาติบ้านเมืองสิ้นสุดความอดทนและต่อต้านพวกที่ชอบต่อต้านล้มล้างประเพณีวัฒนธรรมอะไรดีๆเพื่อสนองปมด้อยของตนเองและคนพรรคนี้จะรับไม่ได้หากเห็นคนไทยมีความรักความสามัคคีกัน มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้เทิดทูนจะต้องเข้ามาปั่นป่วนมาด้อยค่า แทรกสอดเพื่อสะท้อนปมด้อยในใจที่ไม่มีใครรัก
“อี้ แทนคุณ” แนะ “พิธา” ควรปรึกษาจิตแพทย์หลังพบโกหกเคยแปรอักษร 2 รอบตั้งแต่ 11ขวบอาจเข้าข่ายภาวะหลงตัวเองหลบใน
ข่าวที่น่าสนใจ
นายแทนคุณ กล่าวว่า ที่เลวร้ายหนักคือ การโกหกแม้กระทั่งอดีตตัวเอง เช่นนายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า เคยขึ้นแสตนเชียร์ แปรอักษรของกรุงเทพคริสเตียน 2 ครั้ง ตอนอายุ 11 ขวบสมัยเรียนเพราะเขาไปเรียนต่างประเทศช่วงนั้นหรืออย่างมากอยู่ถึงคือ ม.1 น่าจะอายุ13 ซึ่งเท่าที่ทราบว่าโรงเรียนจะให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นคือม. 2 และม. 3 ร่วมกับระดับมัธยมศึกษาตอนปลายคือม. 4 ได้มีหน้าที่แปรอักษรและมีน้องม. 1 คอยเป็นตัวสำรองสอดคล้องกับรุ่นพี่จตุรมิตรซึ่งการออกมาแฉว่าเป็นไปไม่ได้ที่พิธาจะเคยแปรอักษร 2 ครั้งในช่วงที่ยังเรียนประถมอาจคาบเกี่ยวม.1 เพราะจัด 2ปีครั้ง ดังนั้นสิ่งที่พิธาสัมภาษณ์มาคือการ”โกหก”อีกรอบหนึ่ง หลังจากที่เคยโกหกเกี่ยวกับการกลับมาร่วมงานศพคุณพ่อของตนเองที่ทั้งสร้างสับสนและงุนงงว่ากลับมาทันไหม ขึ้นเครื่องบินกลับมาในฐานะอะไรกันแน่ทำให้ตนสงสัยในเรื่องนี้
นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนลองสืบค้นดูเกี่ยวกับพฤติกรรมการโกหกอดีตตัวเองเพื่อการยอมรับโดยตนไปหาความรู้ทางจิตวิทยาพบมีอาการหนึ่งที่เรียกว่า อาการหลงตัวเองแบบหลบใน หรือ Covert Narcissism คือมีการแสดงออกที่หลบซ่อน เก็บอาการเก่ง คนอื่นดูไม่ค่อยออกว่าเขาเป็นคนหลงตัวเองโดยคนที่มีภาวะดังกล่าวเขาจะมีความกระหายการได้รับคำชม อยากได้รับการให้ความสำคัญจากคนอื่นตลอดเวลา โดยจะยอมโกหกหรือพูดอะไรเกินจริงทำในสิ่งตนเองก็ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ ตนไม่ได้ว่านายพิธามีอาการดังกล่าวแต่รู้สึกเป็นห่วงจากใจจริง ว่าหากแม้ตัวเองยังโกหกตัวเองต่อหน้าผู้อื่นบ่อยครั้งอาจถลำลึกจนยากถอนตัวออกมาได้ ทั้งนี้อาจเกิดจาก ติดกับดักความสำเร็จในอดีต ตั้งแต่วัยรุ่นทำให้เสพติดสิ่งแหล่านี้จึงอยากแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อความสบายใจของแฟนด้อมต่อไป” นายแทนคุณ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-