นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยกรณี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินว่า เป็นเรื่องดีที่มีการอายัดและตรวจสอบทรัพย์สินของตนเพราะจะเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ให้ตนเอง โดย ป.ป.ส. สามารถอายัดไว้ได้ประมาณ 2-3 เดือน หากตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ต้องคืนให้ตน ซึ่งนอกจากอายัดบัญชีในต่างประเทศแล้วยังอายัดบัญชีในประเทศอีกหลายสิบบัญชีแม้กระทั่งบัญชีเงินเดือน สว. ดังนั้นจะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมได้ทำงานแล้วและจะเป็นสิ่งที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองในอนาคต
นายอุปกิต กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำการถ่ายโอนเงินไปต่างประเทศ ตนเป็นนักธุรกิจก่อนมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา มีที่มาที่ไปของทรัพย์สินชัดเจน และจริงๆไม่ใช่มีแค่ 600 ล้าน แต่เคยมีประมาณ 700 กว่าล้าน โดยเป็นเงินจากการขายหุ้นบริษัทที่เคยบริหารในตลาดหลักทรัพย์ไปประมาณ 400 กว่าล้านให้กับนักลงทุนลาวจึงต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินที่ประเทศลาว หลังจากนั้นได้ขายโรงแรม อัลลัวร์อีกประมาณ 200 กว่าล้านให้นายพันธ์ณรงค์ ขุนพิทักษ์ ซึ่งทำธุรกิจอยู่ประเทศกัมพูชา จึงต้องเปิดบัญชีธนาคารที่ประเทศกัมพูชาเพื่อรับเงินเช่นเดียวกัน ส่วนบัญชีอื่นๆที่เปิดไว้ที่สิงคโปร์ก็เป็นบัญชีการลงทุน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุรกิจจะเปิดบัญชีในต่างประเทศ ที่สำคัญคือ ตนไม่ได้ปิดบัง และไม่ได้ไหลเงินออกไปเพราะได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนก็ได้ทยอยใช้ต่อเนื่องทั้งการสร้างบ้านพัก การสร้างอาคารสำนักงานที่ซอยอารีย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ รวมแล้วเงินเหลือไม่ถึง 100 ล้าน และตามกฏหมายจะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก โดยประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง