“ดร.ธนวรรธน์” ชี้ทางเลือกกระตุ้นศก.ย้ำกู้แจกเงินไม่ตอบโจทย์

"ดร.ธนวรรธน์" ชี้หลายทางเลือกตอบโจทย์กระตุ้นเศรษกิจ แนะรัฐบาลหากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท เดินต่อไม่ได้ อาจแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง 16 ล้านคน ลดแรงกดดันทางการเมือง หรือมุ่งเดินหน้าโครงการซอฟท์พาวเวอร์ให้เห็นเป็นรูปธรรม สร้างรายได้ให้กับประเทศ พร้อมมองอี-รีฟันด์ ตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 67

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS ระบุว่า หากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet วงเงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ผ่าน และไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จะต้องกลับมาพิจารณาถึงสาเหตุว่ามาจากกรณีใด หากไม่ผ่านการพิจารณาของกฤษฎีกา รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าทำสิ่งต่างๆ ได้ เพราะรัฐบาลไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการลาออก หรือการปรับเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้รัฐบาลสามารถที่จะกลับลำได้

กรณีต่อมา คือ หากโครงการ digital Wallet ผ่านการพิจารณาของกฤษฎีกา แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ทางออกที่สำคัญของรัฐบาลคือ “การยุบสภา” ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์นี้ ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะเร่งส่งเรื่องนี่ไปให้กฤษฎีกาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้กฤษฎาตีความโดยเร็ว ทั้งนี้ หากโครงการ Digital Wallet ไม่สามารถใช้ได้ รัฐบาลยังมีทางเลือกอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเลือกอะไรเพื่อตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้น / ระยะปานกลาง หรือ ระยะยาว

ขณะเดียวกัน จะเห็นได้ว่า รัฐบาลพยายามตอบโจทย์ทุกโจทย์ของประชาชน ทั้งในเรื่องของ
– ค่าครองชีพ ผ่านการลดค่าไฟฟ้าและราคาพลังงาน โดยทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง ล่าสุด งวดม.ค.-เม.ย.67 พยายามกดให้ค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย จาก 4.68 บาทต่อหน่วย
– หนี้ครัวเรือน ที่แก้โจทย์ในเรื่องของหนี้นอกระบบ และหนี้ในระบบ เนื่องจากเห็นว่าประชาชนเป็นหนี้จำนวนมาก โดยรัฐบาลได้พยายามตอบโจทย์ที่เป็นจุดสำคัญของประเทศ
– การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มีการเสนอให้ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ในการเก็บข้อมูลและรวบรวมการทำซอฟพาวเวอร์ เพราะรัฐบาลเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะสร้างอนาคตให้กับประเทศ เป็นการสร้างการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืน

 

รศ.ดร.ธนวรรธน์ ระบุว่า หากสังเกตุจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะโจทก์ที่รัฐบาลพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือการใช้นโยบายเงิน digital Wallet ดังนั้น “โจทย์ที่รัฐบาลจะต้องตอบ คือจะตอบอะไร” หนึ่งตอบโจทย์ประเทศระยะสั้นเหมือนเดิม โดยการหานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอบโจทย์ระยะยาวและระยะกลาง รัฐบาลจะต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยังยืน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับโจทย์ แรกรัฐบาลจะต้องคิดว่าหากไม่มีโครงการ Digital Wallet รัฐบาลจะตอบโจทย์อะไร และคำถามถัดมารัฐบาล เลือกตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจอะไรไปบ้าง หนึ่ง การใช้มาตรการที่จะลดหย่อนภาษี ผ่านโครงการ e-Refund ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ใช้เงินถึง 50,000 บาทต่อคน โดยนำเงินตนเองออกมาใช้จ่ายและนำไปลดหย่อนภาษี ซึ่งมาตรการนี้ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจะมีวงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 30,000 -50,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลอาจจะเสียสิทธิ์ทางด้านภาษีประมาณ 10,000 ล้านบาทในปลายปีงบประมาณถัดไป แต่เป็นการนำเอาเงินงบประมาณ 10,000 ล้านบาทไปแลกกับเงินประชาชน 30,000 – 50,000 ล้านบาท ถือว่ามีความคุ้มค่า เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะออกมาในช่วงไตรมาสที่ 1/67

ขณะที่ไตรมาสที่ 2/67 รัฐบาลยังสามารถเลือกตอบโจทย์ในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากไม่สามารถหาเงิน 5 แสนล้านบาท จากการกู้เงิน ก็จะต้องเกลี่ยงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลจะมีเงินเหลือเท่าไหร่ จึงถือเป็นจุดสำคัญ

ดังนั้น หากรัฐบาลจะต้องส่งเรื่องไปยังกฤษฎีกา ประมาณช่วงเดือนธันวาคม และกฤษฎีกาตีความเร็ว รัฐบาลจะได้กลับลำทัน ในการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งการจัดทำงบประมาณแผ่นดินควรที่จะเข้าสู่การพิจารณารัฐสภาในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2567 เพื่อให้ผ่านการพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3 ให้ได้ภายในเดือนเมษายน 2567

รศ.ดร.ธนวรรธน์ ระบุว่า หากรัฐบาลมีเงินมากเพียงพอเชื่อว่า คงใช้เงินในโครงการนี้ 5 แสนล้านบาทผ่านการใช้งบประมาณ แต่หากมีเงินเพียง 1-2 แสนล้านบาท อาจเลือกเดินหน้าโครงการเพื่อลดแรงกดดันทางการเมือง โดยการให้เงินกลุ่มเปราะบาง และยังเป็นอีกทางเลือกของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่เสนอให้เงินกับกลุ่มเปราะบางซึ่งมีอยู่ราว 16 ล้านคน ใช้เม็ดเงิน 1.6 แสนล้านบาท โดยจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างน้อย 0.7% ของจีดีพี ซึ่งสอดคล้องกับ การดำเนินโครงการเงิน Digital Wallet โดยให้เงินเฉพาะกลุ่มเปราะบางสอดคล้องกับแนวทางของ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุว่า หากมีการดำเนินโครงการในเดือนกันยายนและต่อเนื่อง โดยใช้งบประมาณปีถัดไป วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท มาเดินหน้าโครงการก็จะสามารถทำได้ เช่น เฟสแรกแจกในเดือนพฤษภาคม และเฟสถัดไปเริ่มใช้เดือนตุลาคมของปีงบประมาณปีหน้า

รศ.ดร.ธนวรรธน์ ระบุว่า แต่หากกลับมาคิดมุมมองใหม่ ประเทศไทยและธนาคารโลก ได้มีการเสนอแนะประเทศไทย ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ ได้ออกมาพูด ว่า ประเทศไทยควรจะปรับปรุงเรื่องการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม หากรัฐบาลจะเลือก ในเรื่องการพัฒนาคุณภาพวิชาชีพแรงงาน เช่น มีโครงการจ้างแรงงานมาอบรมปฏิบัติ วิชาชีพเพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการผลิต หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงาน โดยทำผ่านกระทรวงแรงงาน ผ่านระบบการศึกษาต่างๆ คาดว่าจะทำได้

 

 

ในเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านดิจิทัลให้กับคนรุ่นใหม่ จะได้เรียนรู้จากวิธีโค้ดดิ้ง หรือทำในสิ่งต่างๆ ก็จะเป็นการกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกัน /หรือรัฐบาลอาจจะเลือกทำในสิ่งที่ตั้งใจและประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ คือการแก้ไขปัญหาเรื่องชลประทาน ที่ได้มีการวางแผนไว้แล้ว ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปี 2567 ที่ไทยจะเผชิญกับปัญหาเอลนีโญ /การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งในอนาคตไทยมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาภาวะขาดน้ำได้ จึงควรจะมีการดำเนินการเรื่องคลองชลประทาน การจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำ ทดน้ำจากแม่น้ำโขง โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีแหล่งกักเก็บน้ำน้อย เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น มีรายได้สูงขึ้น แก้ปัญหาความยากจน และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และช่วยลดวงจรของหนี้นอกระบบไปในตัว เพราะเรื่องของแหล่งน้ำถือเป็นเรื่องของความกินดีอยู่ดีของประชาชน

หรืออีกวิธีที่คิดว่า จะสามารถดำเนินการได้และอยู่ใน agenda ของรัฐบาล คือการเดินหน้าโครงการซอฟท์พาวเวอร์ให้เห็นเป็นรูปธรรม หากรัฐบาลใช้เงิน 5000 ล้านบาท ในการศึกษาเรื่องซอฟท์พาวเวอร์ ก็น่าจะนำงบประมาณส่วนนี้ไปดำเนินการส่งเสริมให้เกิดซอฟท์พาวเวอร์จริงๆ เช่น การส่งเสริมงานประเพณีจังหวัดของจังหวัด ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ส่งเสริมกิจกรรมการทำแฟชั่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ อุตสาหกรรมดนตรี ซึ่งรัฐบาลสามารถใช้กลไกของการลดหย่อนภาษี กลไกของการอุดหนุน การสนับสนุนการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานในด้านเหล่านี้ ซึ่งเม็ดเงิน 100,000 ล้านบาทสามารถทำได้เยอะมาก และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างยั่งยืน

ดังนั้น หากเม็ดเงินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ไม่สามารถใช้ได้ รัฐบาลยังมีทางเลือกอีกมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเลือกอะไร ตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หรือตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะปานกลางหรือระยะยาว ผ่านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ เติบโตอย่างยั่งยืน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง
"อดีตบิ๊กข่าวกรอง" ชี้เจรจา MOU 44 ถามคนไทยหรือยัง เอาพลังงานหรืออธิปไตย
สุดเศร้า "นักเรียน ม.4" เรียนวิชาพละ  วิ่งได้ 200 เมตร หัวใจวายเสียชีวิต
"ณัฐวุฒิ" โอ่คนไทยอ่านขาดแล้ว เกมฝ่ายขวาจัด ปลุกชาตินิยม ล้มรบ. เย้ยรอบนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อน
เปิด 40 รายชื่อ สรุปยอดผู้สมัคร ป.ป.ช. พบคนดังเพียบ
"ยายวัย 80 ปี" เครียดอยากจบชีวิต หลังถูก "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" หลอกโอนเงินเก็บเกลี้ยงบัญชี
"ร้านเนื้อย่างดัง" โพสต์ตามหา "ลูกค้า" โอนเงินค่าอาหารเกิน 2 แสนบาท
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 10 เตือน ปชช.ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
ระทึก ! บุกยิงบ้านผู้ใหญ่ โบว์ คาดว่า การเมือง ท้องถิ่นเป็นเหตุ
‘บิ๊กต่าย’ เผยตร.ทำงานยังคงทำคดี ‘ดิไอคอน’ ตามที่ DSI ร้องขอ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น