พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม กล่าวชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องประเด็นเอกสารปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร(ไอโอ) ของกองทัพภาคที่ 2 ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึงเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) มาชี้แจงส.ส.และประชาชนได้รับทราบ เพราะอาจเกิดการเข้าใจผิดได้ โดยเรื่องเหล่านี้ตนได้ชี้แจงในสภาฯมา 2-3 ครั้งแล้ว
พร้อมยืนยันว่า ในการดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อกระทรวงกลาโหมและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ไม่เคยมีนโยบายสั่งการให้หน่วยงานใดของกองทัพหรือในกอ.รมน.ไปปฏิบัติการข่าวสารในลักษณะบิดเบือนหรือไปให้ร้ายกับบุคคลใดทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันในโซเชียลมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน และมีเฟคนิวส์ มีข่าวลวง ข่าวปลอมเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจผิดในประชาชน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและประเทศด้วย เรื่องนี้หน่วยงานความมั่นคงจำเป็นต้องก้าวทันต่อสถานการณ์ มีการติดตามข้อมูลที่เผยแพร่ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กำลังพลของหน่วยเอง รวมถึงครอบครัวและประชานชทั่วไปเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องผ่านแฟลตฟอร์มต่างๆที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและสร้างการรับรู้ทั่วไปได้ ในส่วนของกระทรวงกลาโหมปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกระทรวงกลาโหมขึ้น เพื่อประสานงาน 2 ลักษณะคือชี้แจงข้อมูลตามช้อทางต่างๆในข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง สร้างการรับรู้กับประชาชน และตรวจสอบข่าวปลอมข่าวบิดเบือนเพื่อส่งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดำเนิการต่อไป
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารที่ส.ส.นำมาอภิปรายนั้น ทางกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่เป็นเอกสารจริง พบจุดพิรุธต่างๆ อาทิ หนังสือที่นำมาแสดงระบุว่าทำขึ้นในช่วงมี.ค.-ก.ค. 2564 หากสังเกตจะพบว่าลายเซ็นต์ของแม่ทัพภาคที่ 2 ในเอกสารนั้นไม่เหมือนกับลายเซ็นต์ของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ซึ่งเอกสารที่นำมาแสดงเป็นลายเซ็นต์ของอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนก่อน และผู้อำนวยการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ชื่อที่ลงนามในเอกสารได้ย้ายไปลงตำแหน่งเป็นเวลาปีกว่าแล้ว รวมถึงลายเซ็นต์ของแม่ภาคที่ 2 ก็ไม่ตรงกับของจริง นามสกุลรองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็พิมพ์ไม่ถูกต้อง ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นหากเป็นเอกสารจริง รวมถึงรายชื่อคณะกรรมการศูนย์สารสนเทศกองทัพภาคที่ 2 ที่เขียนตำแหน่งและยศนั้นก็ไม่ถูกต้อง หากเป็นหนังสือฉบับจริงยศกับตำแหน่งต้องถูกต้อง และที่สำคัญได้ตรวจสอบหนังสือดังกล่าวแล้ว เลขที่หนังสือที่ออกหนังสือนั้นถึงวันที่ 31 ส.ค. 2564 มีเพียง 815 ฉบับ และยังไม่ถึงเลขที่1148 ตามหนังสือที่พรรคก้าวไกลนำเสนอ
“กองทัพกเป็นหน่วยที่ได้รับความเสียหายจะตรวจสอบ และดำเนินการตามเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม และกอ.รมน. ไม่เคยมีนโยบายที่จะให้หน่วยต่างๆนั้นไปดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องบิดเบือนไปให้ร้ายบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ การดำเนินการก็คือการประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและไม่ให้เกิดความขัดแย้ง” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงพล.อ.ชัยชาญว่าการอภิปรายไม่อยู่ในประเด็น เพราะนายณัฐชาได้อภิปรายมีประเด็นสำคัญที่ถามไปยังนายกฯว่ามีการอมเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไอโอหรือไม่ ซึ่งยังไม่ได้รับการชี้แจง จึงขอถามสั้นๆว่ามีการอมเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหรือไม่ และมีการกันเบี้ยเลี้ยงส่งให้ผู้บังคับบัญชาหรือไม่ แบบโครงการคนละครึ่งในรูปแบบใหม่ เพื่อให้ทหารที่ฟังอยู่ทางบ้านสบายใจ ทำให้พล.อ.ชัยชาญ ลุกขึ้นชี้แจงอีกรอบว่า ได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ถ้ามีการผิดจริงก็ต้องลงโทษ