หลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในเวสต์แบงก์ และทำงานในอิสราเอล ก็ถูกส่งกลับบ้าน เมื่อไม่มีงานทำเป็นเวลา 2 เดือน และยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ถึงเมื่อใด พวกเขาก็ต้องดิ้นรนในการยังชีพ โดยที่เมืองคารัส หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองเฮบรอน ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ต้องหยุดให้บริการแบบเป็นเครดิตแล้ว หลังจากที่หนี้ของลูกค้าสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย
นายอาหมัด ราดวัน เจ้าของร้านเปิดเผยว่า เครดิตสะสมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็น 40 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่เราขายไป เราสูญเสียสภาพคล่องไป 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีผู้ให้บริการไหน จะส่งของให้เรา ถ้าเราไม่ชำระเงินล่วงหน้า ส่วนเรื่องสินเชื่อ เรากำหนดวงเงินสินเชื่อ และไม่สามารถให้สินเชื่อต่อไปได้แล้ว ก่อนหน้านี้มันง่าย เพราะผู้บริโภคจะนำเงินมาให้ตอนสิ้นเดือน แต่วันนี้ไม่มีความหวังแล้วที่พวกเขาจะนำเงินมาให้ได้แล้ว
ขณะเดียวกัน ที่การประชุมที่กรุงเจนีวาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของการลงนามในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นายริยาด อัล-มาลิกี รัฐมนตรีต่างประเทศของปาเลสไตน์ได้กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 1 ล้านคนในฉนวนกาซา ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก กำลังเผชิญกับความอดอยาก เนื่องจากขาดความช่วยเหลือ พวกเขาอดอยากเพราะอิสราเอล จงใจใช้ความอดอยากเป็นอาวุธสงคราม กับผู้คนในดินแดนยึดครอง
อัล-มาลิกีกล่าวต่อว่า และแทนที่จะประณามอาชญากรรมอันเลวร้ายนี้ รัฐต่างๆ กลับยอมรับเงื่อนไขทางอาญาของอิสราเอล ในเรื่องปริมาณอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และยา ที่สามารถเข้าไปในฉนวนกาซาได้ รวมถึงแทนที่จะยืนกรานเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวปาเลสไตน์ แต่เรากลับกำลังดำเนินชีวิตผ่านการกีดกันชาวปาเลสไตน์ จากสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุด ที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับ ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับตน ในฐานะชาวปาเลสไตน์และในฐานะมนุษย์ ที่จะเข้าใจถึงความล้มเหลวระดับนานาชาตินี้ได้เลย