สำนักงานตำรวจเมืองริเวอร์เดล รัฐยูท่าห์ ระบุในแถลงการณ์ว่า พบตัว ไค จวง นักเรียนชาวจีน ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งลักพาตัวไซเบอร์แล้ว โดยพบอยู่ในเต้นท์กลางป่าเขตชนบทของรัฐยูท่าห์ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า ไค วัย 17 ปี หายตัวไปเมื่อ 28 ธันวาคม 2565 หลังจากที่พ่อแม่ในจีน แจ้งไปยังโรงเรียนมัธยมในเมืองริเวอร์เดล ที่ลูกชายไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ว่าลูกชายถูกลักพาตัวไป หลังได้รับรูปถ่ายพร้อมเรียกร้องค่าไถ่
คดีนี้เป็นรูปแบบเดิม ๆ ของการลักพาตัวไซเบอร์ (cyber kidnapping) ที่มิจฉาชีพจะบอกเหยื่อให้แยกไปอยู่ลำพัง และส่งรูปถ่ายของตัวเองมาให้ ราวกับว่ากำลังถูกกักขังไว้ เมื่อได้ภาพมา ก็จะส่งต่อไปให้ครอบครัวเหยื่อเพื่อตบทรัพย์ ทั้งเหยื่อและครอบครัวยอมทำตามที่มิจฉาชีพปั่นหัว เพราะต่างก็คิดว่าถ้าไม่ทำ อีกฝ่ายจะเป็นอันตราย คนร้ายไม่ได้มาปรากฎตัว แต่จะมอนิเตอร์เหยื่อผ่านเฟซไทม์หรือสไกป์ ในกรณีนี้ พ่อแม่ของนร.จีน หลงเชื่อและโอนเงินไถ่ตัวลูก 8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้าน 7 แสนบาท ในช่วงที่ตามหาตัว แม้ว่าคนร้ายไม่ได้อยู่กับไค แต่ตำรวจห่วงว่าเด็กอาจได้รับอันตรายจากสภาพอากาศในช่วงนี้ หรืออาจหนาวตายในตอนกลางคืน
ตำรวจค้นหาเหยื่อ โดยแกะรอยจากบันทึกธนาคาร และสัญญาณโทรศัพท์ จนที่สุดก็มั่นใจว่า วัยรุ่นจีนเคราะห์ร้ายพาตัวเองไปอยู่ในเต้นต์โดดเดี่ยวไกลผู้คน ห่างจากเมืองริเวอร์เดล ประมาณ 40 กิโลเมตร พนักงานสอบสวนเดินเท้าขึ้นไปบนภูเขา จนพบตัวเมื่อ 31 ธันวาคม ไคอยู่ในอาการหวาดกลัวและทนกับอากาศหนาว เพราะในเต้นท์ ไม่มีแหล่งให้ความร้อนอื่น นอกจากผ้าห่มทำความร้อน ถุงนอน อาหารและน้ำอย่างจำกัด กับโทรศัพท์หลายเครื่องที่สันนิษฐานว่า ถูกนำมาใช้ในการลักพาตัวไซเบอร์ หลังได้รับการช่วยเหลือ ไคร้องขอ ชีสเบอร์เกอร์อุ่น ๆ และขอคุยกับครอบครัว
ตำรวจกล่าวว่า ไค เป็นหนึ่งในนักเรียนต่างชาติหลายคน ที่ตกเป็นเป้าลักพาตัวไซเบอร์ในสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ตำรวจเชื่อว่า ไคเริ่มถูกมิจฉาชีพปั่นหัวตั้งแต่ 20 ธันวาคม โดยเจ้าหน้าที่พบเห็นเขากำลังหิ้วอุปกรณ์ตั้งแคมป์ และช่วยพากลับบ้านที่พักอยู่ในเมืองริเวอร์เดล เพราะห่วงความปลอดภัย แต่ไคไม่ได้ปริปากเรื่องโดนขู่อยู่ในตอนนั้น
Watch: A Chinese exchange student who fell victim to a “cyber kidnapping” scam in which his parents were extorted for $80,000, was found alive but “cold and scared” in a tent in the #Utah wilderness.https://t.co/vRh7RknNGQ pic.twitter.com/Y6lwmUPMCU
— Al Arabiya English (@AlArabiya_Eng) January 2, 2024