NHK รายงานในวันนี้ (พุธที่ 3 มค.)โดยอ้างแหล่งข่าวจากระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินฮาเนดะได้ให้คำสั่งกับกัปตันของเที่ยวบิน JAL 516 ให้ลงจอดได้ ซึ่งตรงกับคำให้การของทางสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส ที่ระบุว่าลูกเรือของเที่ยวบิน JAL 516 ได้รับไฟเขียวให้ลงจอดได้จริง และกัปตันยังได้มีการยืนยันซ้ำคำสั่งด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรก็ได้ออกคำสั่งให้เครื่องบินยามฝั่งจอดรออยู่ที่ Taxiway หรือทางขับ และอย่าเพิ่งเข้าไปในรันเวย์
อุบัติเหตุเจแปนแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 516 ฮอกไกโด-โตเกียว พุ่งชนเครื่องบินยามฝั่งขณะลงจอดที่สนามบินฮาเนดะเมื่อเวลา 1800 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น (อังคารที่ 2 มค.) ทำให้ลูกเรือ 5 คนของเครื่องบินยามฝั่งเสียชีวิตทั้งหมด ยกเว้นกัปตันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้โดยสารของเจแปน แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นเครื่องบินแอร์บัส A350 ทั้ง 379 คนได้รับการอพยพลงจากเครื่องได้ทัน รอดชีวิตทั้งหมด ขณะที่เครื่องบินไฟลุกไหม้เสียหายทั้งลำ
ทั้งนี้ NHK และรอยเตอร์สรายงานว่าคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งของญี่ปุ่นได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญ 6 คนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดแล้ว โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสเจ้าของแอร์บัสและจากอังกฤษซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์โรลส์-รอยส์เข้าร่วมสอบสวนด้วย เบื้องต้นผุ้เชี่ยวชาญชี้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน
ทั้งนี้การสอบสวนจะมุ่งเน้นเรื่องคำสั่งและการสื่อสารจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรที่สนามบินฮาเนดะ, สภาพเครื่องบินและสภาพสนามบิน ในส่วนของการสื่อสารและคำสั่ง ล่าสุดเป็นที่ยืนยันแล้วว่ากัปตันเจแปน แอร์ไลน์สได้รับไฟเขียวให้ลงจอด ต่อไปจะเป็นการกู้กล่องดำทั้งสองกล่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลการบินและเสียงกัปตันที่สื่อสารกับสนามบิน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจุดเกิดเหตุซึ่งเกิดขึ้นในสนามบิน ทำให้ง่ายต่อการสอบสวน เพราะสนามบินมีทั้งข้อมูลจากเรดาห์, ชิ้นส่วนเครื่่องบิน, และกล้องที่สนามบิน รวมทั้งพยานผู้เห็นเหตุการณ์
คำถามต่อไปคือเครื่องบินยามฝั่งถูกชนขณะวิ่งบนรันเวย์หรือไม่ และทำไมจึงไปอยู่บนรันเวย์ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับคำสั่ง นอกจากนี้ก็ยังต้องตรวจสอบเรื่องอุปกรณ์และสายสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมกับเครื่องบินยามฝั่งว่าเกิดปัญหาด้านอิเลคทรอนิคส์หรือไม่ รวมทั้งระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวบนรันเวย์ของสนามบินฮาเนดะ และไฟบนรันเวย์ว่าชัดเจนหรือไม่ เนื่องจากเครื่องบินยามฝั่งมีความยาวสั้นกว่าแอร์บัสถึง 3 เท่า ทำให้กัปตันแอร์บัสอาจมองไม่เห็น
อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ครั้งแรกของแอร์บัส A350 นับตั้งแต่เริ่มออกบินเมื่อ 9 ปีที่แล้ว และเมื่อเดือนที่แล้วมูลนิธิความปลอดภัยด้านการบินสหรัฐเคยออกมาเตือนสนามบินทั่วโลกให้ระวังอุบัติเหตุบนรันเวย์ เนื่องจากพบว่าการจราจรทางอากาศขณะนี้เริ่มหนาแน่นขึ้นทั่วโลก