สำนักข่าว CNN ของสหรัฐ ได้ทำการประมวลภาพรวมสำคัญๆ ในความขัดแย้งของสงครามอิสราเอลและฮามาส ซึ่งเดินทางมาครบ 100 วัน โดยกองทัพอิสราเอลได้เริ่มโจมตีฉนวนกาซา หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธฮามาส เปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม มีผู้คนถูกสังหารประมาณ 1,200 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่า 200 ราย สำหรับภาพรวมของช่วงเวลาสำคัญๆ ในความขัดแย้ง มีดังต่อไปนี้
7 ตุลาคม: กลุ่มฮามาสเปิดการโจมตีที่ถือเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล นักรบฮามาสอย่างน้อย 1,500 คน หลั่งไหลข้ามพรมแดนเข้าสู่อิสราเอลทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ หลังจากนั้นไม่นาน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล ก็ออกมากล่าวว่า อิสราเอลกำลังอยู่ในภาวะสงครา
9 ตุลาคม: อิสราเอลสั่งปิดล้อมฉนวนกาซาโดยสมบูรณ์ 2 วันหลังจากนั้น เนทันยาฮูกล่าวว่า กองทัพอิสราเอลจะโจมตีกลุ่มฮามาสด้วยกำลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายกลุ่มติดอาวุธให้สิ้นซาก
13 ตุลาคม: เกิดการอพยพเป็นทวีคูณ หลังจากที่กองทัพอิสราเอล สั่งประชาชน 1.1 ล้านคนทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ให้อพยพออกจากบ้านเรือนของตนทันที เพราะอิสราเอลจะเพิ่มมาตรการตอบโต้ ซึ่งนับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีผู้พลัดถิ่นมากถึง 1.9 ล้านคน
17 ตุลาคม: มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซา เหตุระเบิดร้ายแรง ถล่มโรงพยาบาลอัล-อาลีแบ๊บติสต์ในฉนวนกาซา ซึ่งให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นหลายพันคน อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา CNN ตรวจพบว่า การระเบิดน่าจะเกิดจากจรวดที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งยิงโดยกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ แทนที่จะเป็นการโจมตีของอิสราเอล
27 ตุลาคม: อิสราเอลขยายการรุกภาคพื้นดิน หลังจากสงครามทางอากาศส่วนใหญ่เกิดขึ้น กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลประกาศว่า กำลังขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา
15 พฤศจิกายน: อิสราเอลบุกโจมตีโรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา พร้อมเปิดปฏิบัติการ กำหนดเป้าหมายต่อกลุ่มฮามาสในโรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งเชื่อกันว่า มีชาวปาเลสไตน์หลายพันคนพักอาศัยอยู่ สภาพของโรงพยาบาล ทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วในวันที่มีการต่อสู้ การจู่โจมดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ
24 พฤศจิกายน: การพักรบเริ่มต้นขึ้น หลังมีการเจรจาอย่างละเอียดรอบคอบอยู่หลายวัน การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ทำให้การสู้รบต้องหยุดชะงักลง ซึ่งในส่วนหนึ่งของการหยุดยิง ตัวประกันพลเรือนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไป ก็ได้รับการปล่อยตัว โดยกลุ่มตัวประกัน จะได้รับแจ้งการปล่อยตัวเป็นวันๆไป
1 ธันวาคม: การพักรบยุติลงใน 1 สัปดาห์ต่อมา กองทัพอิสราเอลกลับมาต่อสู้กับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาอีกครั้ง ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า กลุ่มฮามาสละเมิดเงื่อนไขการสงบศึก พร้อมทั้งจุดมุ่งหมายของอิสราเอล ได้เริ่มเปลี่ยนจากทางตอนเหนือ ขยายลงไปยังฉนวนกาซาตอนใต้
15 ธันวาคม: ตัวประกันเสียชีวิตจากการจู่โจมที่ไม่รอบคอบ ทหารอิสราเอลยิงและสังหารตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน ในทางตอนเหนือของฉนวนกาซา หลังจากระบุผิดว่า ตัวประกันทั้ง 3 เป็นภัยคุกคาม ซึ่งในเวลาต่อมา กองกำลังของอิสราเอลได้ออกมากล่าวว่า การยิงดังกล่าวขัดต่อกฎการปะทะ และทหารที่เกี่ยวข้อง จะต้องถูกลงโทษทางวินัย
1 มกราคม: อิสราเอลประกาศถอนกำลังบางส่วน ในวันแรกของปีใหม่ โดยอิสราเอลประกาศว่า ในไม่ช้าจะเริ่มดึงทหารหลายพันนายออกจากฉนวนกาซา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งระยะใหม่ แม้จะมีคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถึงการคาดการณ์ว่า การต่อสู้จะดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี
11 มกราคม: การพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (หรือ ICJ) เริ่มต้นขึ้น จากการที่แอฟริกาใต้ยื่นฟ้องอิสราเอล ฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมเรียกร้องให้ศาลสั่งให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาทันที ซึ่งอิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมโต้กลับว่า แอฟริกาใต้กำลังบิดเบือนอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาได้ออกแถลงเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอันเป็นผลมาจากการรุกรานของอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 23,968 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 60,582 ราย