อนุทิน นำมุทิตาจิตสำนึกบุญคุณ วันครูแห่งชาติ ย้ำให้ครูทุกคนทันเทคโนโลยี ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้ลูกศิษย์หวงแหนประเทศชาติ

รองนายกฯอนุทิน นำมุทิตาจิตร่วมสำนึกบุญคุณครูอาจารย์ วันครูแห่งชาติ ย้ำให้ครูทุกคนทันเทคโนโลยีพร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้ลูกศิษย์หวงแหนชาติอย่างสร้างสรรค์

วันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดพิธีงานวันครูครั้งที่ 68 ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด ”ครูดีสอนดี ศิษย์ดีเรียนดี มีความสุข“ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการจัดงานซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบคำขวัญวันครูว่า “ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์” พร้อมด้วย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการคุรุสภา ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และคณะครู-อาจารย์

 

นายเพิ่มพูน กล่าวรายงานว่า การจัดงานวันครูมีจุดประสงค์ 3 อย่าง คือ เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ เพื่อส่งเสริมสามัคคีธรรม ความร่วมมือ และความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน และเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมได้ปฏิบัติตาม

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้น นายอนุทิน กล่าวบนเวทีว่า คำขวัญวันครูครั้งนี้ของท่านนายกฯ กล่าวว่า ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์ พวกเราทุกคนต่างรู้ว่า ครู คือปัจจัยตั้งต้นที่สำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาการ จะมีลูกศิษย์ที่ดีสักคนต้องมาจากการที่มีครูดี ครูที่เป็นแบบอย่างที่ดี มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน และมีจิตวิญญาณของความเป็นครู เพราะการเป็นครูในยุคปัจจุบันนี้มีการรเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การศึกษาของเยาวชนสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมีระดับที่น้อยลง นี่คือความท้าทายของครู-อาจารย์

 

 

เด็กจำนวนมากคิดว่าความรู้อยู่บนโลกออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน รวมทั้งสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว ทำให้นักเรียนไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูอาจารย์และผู้ปกครอง จะดีกว่าถ้าเราให้ฐานความคิดและเกาะป้องกัน ซึ่งจะตรงกับคำขวัญวันครูที่นายกฯ ได้มอบไว้ แต่การวางฐานคิดไม่ใช่เรื่องง่าย ครูอาจารย์จะต้องเรียกศรัทธาให้นักเรียนได้เชื่อมั่น ดังนั้นการเป็นครูที่มีศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องสร้างฐานให้กับลูกศิษย์ ต้องเป็นครูที่ไม่ตกยุค ไม่กลัวความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นครูสมัยใหม่กล้ารับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน

 

 

 

 

นายอนุทิน ย้ำอีกว่า ตนในฐานะศิษย์ที่เติบโตจากการบ่มเพาะสั่งสอนของครู ทำให้มีโอกาสได้มาทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองตามความตั้งใจตั้งแต่เด็ก สมัยตนเป็นนักเรียนรู้ว่าวันครูเป็นวันสำคัญ หวังว่าประเพณีนี้จะได้รับการสืบทอดต่อไป ในทุกบริบทของการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก จะมีคำว่าบิดามารดา สถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศ และตัวเราเอง นี้ถึงจะครบองค์ประกอบที่จะปลูกฝังให้เยาวชนไทย แม้โลกจะมีความก้าวหน้า แต่ประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีจะต้องได้รับการสืบทอดและปลูกฝัง การได้แสดงมุทิตาจิตทำให้จิตใจมีความละมุน ทำให้เกิดความเกรงใจ สำนึก หากเราใครเหยียดหยามเราก็จะอ้างว่า ”เราเป็นลูกมีพ่อมีแม่ เป็นศิษย์มีครู“

”เราเป็นคนไทยต้องมีเอกลักษณ์ แม้ปัจจุบันโลกนี้จะไร้พรมแดน แต่การจะทำให้เรายืนอยู่บนเวทีโลกหรือเวทีสากล จะต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ ทำให้เห็นว่าเรามีรากเหง้า มีพ่อมีแม่ มีครูอาจารย์ที่ทำให้เราต่อยอดหรือเจรจากับนานาประเทศได้ นี่ไม่ใช่สิ่งเกินความสามารถของครูอาจารย์“

ทั้งนี้ ในความเป็นศิษย์ขอแสดงความคารวะและมุทิตาจิตเพื่อระลึกถึงคุณครูทุกท่านทั้งในอดีตในปัจจุบัน และขอเชื่อมั่นศรัทธาต่อครูอาจารย์ในปัจจุบัน ที่ยังคงตั้งมั่นในการบ่มเพาะให้ลูกหลานที่เป็นอนาคตของบ้านเมือง

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ในงานวันครูได้มีพิธีมอบรางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2567 รางวัลครูภาษาไทยดีเด่น รางวัลพระพฤหัสบดี ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2566 และ รางวัล “ครูดีในดวงใจ” รวมจำนวน 1,105 คน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา

 

 

 

 

 

 

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงวันครูแห่งชาติ ว่า ตนได้แสดงมุทิตาจิตและให้กำลังใจกับครูทั้งหลายที่ต้องสั่งสอนลูกศิษย์ให้มีการพัฒนาบ้านเมืองเติบโตเป็นคนดี และเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและส่วนรวม ขอให้ครูสมัยใหม่ต้องมีการปรับตัวทันเทคโนโลยี แต่ต้องรักษาพื้นฐานขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของไทยให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้เด็กก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั้งที่ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นสมบัติของประเทศ

ส่วนภาระหนี้สินของครู จะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพยายามทุกวิถีทางในการปรับปรุงสวัสดิการและลดภาระต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับครูและนักเรียน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ ตนขอให้มั่นใจว่าเราจะเน้นในเรื่องคุณภาพชีวิตครูนักเรียน ซึ่งเป็นความสำคัญระดับต้น ๆ แต่ทั้งนี้ต้องดูรายละเอียดของหนี้สินว่ามาจากอะไร เวลาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ต้องดูที่มาที่ไปของหนี้ ความสามารถในการชำระหนี้ ให้ภาระน้อยที่สุด

ส่วนนักเรียนที่อยู่ชายขอบหรืออยู่นอกระบบจะมีการดูแลอย่างไรหากต้องหยุดเรียนกลางคัน นายอนุทิน ระบุว่า ต้องฝากพ่อแม่ดูแลใกล้ชิด การตัดสินใจบางอย่างของเด็กขึ้นอยู่กับนิติภาวะ บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์จะต้องชี้แนวทางที่ถูกต้อง และการเรียนหนังสือหากออกกลางคันเป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ ควรเรียนให้ครบตามหลักสูตร 12 ปี โลกสมัยนี้ถ้าไม่มีปริญญาจะทำให้ดำรงชีวิตได้ยาก ลดโอกาสในการทำงานหรือเสริมสร้างรายได้

นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เผยถึงความคืบหน้าของการแก้หนี้ครูว่า มีกรอบดำเนินการอยู่ 4 กรอบคือ ปรับโครงสร้างหนี้ของครู ลดดอกเบี้ย ช่วยเหลือครูที่ถูกดำเนินคดีเพราะไม่สามารถชำระหนี้ และให้องค์ความรู้เชิงวิชาการ เพื่อมีภูมิคุ้มกันในการบริหารเงินไม่ให้เป็นหนี้ในอนาคต เราได้ดำเนินการจัดทำเอ็มโอยูร่วมกับสถาบันการเงินสหกรณ์และผู้ที่มีส่วนได้เสีย เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ได้พิจารณาอีกที เบื้องต้นได้ประสานกับสถาบันการเงินขอให้ชะลอการดำเนินคดี ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์

 

เมื่อถามว่า ลดดอกเบี้ยเหลือเท่าไหร่ นายสุเทพ เผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประสานกับสถาบันการเงิน ขอลดดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สามารถชำระหนี้ได้ ส่วนจะลดเหลือเท่าไหร่ อยู่กับการประสานงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับสถาบันการเงิน เราไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่การปรับโครงสร้างหนี้มีหลายกลุ่ม ตามระเบียบกฎกระทรวงศึกษาธิการ ปี 51 หากชำระไม่เกิน 70% ให้เหลือ 30% เมื่อหนี้มีหลายกองจะต้องมาปรับโครงสร้างเพื่อนำมารวมกันและบริหารจัดการ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินทุกแห่งให้มาร่วม

 

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ครูที่เป็นหนี้มีทั้งหมด 900,000 กว่าราย แต่อยู่ในกรอบสีแดงที่จะถูกดำเนินคดีผิดชำระหนี้ประมาณ 10,000 กว่าราย

ส่วนปัญหาหนี้ของครูอาจารย์ที่มาจากการซื้ออุปกรณ์การศึกษาเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนนั้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า นโยบายของนายกฯ ที่จะหาอุปกรณ์ส่งเสริมการสอนให้กับครู 1 อุปกรณ์ 1 ครู ซึ่งจะต้องให้คณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา จะมีนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะทำแพลตฟอร์มส่งเสริมการเรียนการสอน ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกในการจัดทำแผนการเรียนการสอน และมีอุปกรณ์ที่ครบถ้วน จะถูกบรรจุในงบประมาณ ปี 68 ส่วนการลดภาระภารโรงได้มีการพูดคุยกับเลขา สพฐ. จะนำเรื่องเข้ามติ ครม. เมื่อเห็นชอบ อาจจะมีการจัดสรรงบกลาง ปี 67 ไปสู่การจัดสรรงบประมาณ ปี 68

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น