วันที่ 20 ม.ค. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จ.เชียงใหม่ 4 จุด โดยนำคณะจากโครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงสำนักงานตำรวจแห่งชาติประจำปีงบประมาณ 2567 หรือ “หลักสูตรรวมมิตร“ โดยมีพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันฯ พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และคณะร่วมลงพื้นที่ด้วย
ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว มีผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทยเข้าร่วมอบรบจำนวนมาก วันนี้เยี่ยมชมโครงการศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนไปเดินชม ”ตลาดจริงใจ“ ที่ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่ง นายกฯ ได้นำภาคธุรกิจเอกชนเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ พร้อมกับพบปะพูดคุยกับเกษตรกรรายย่อย ในประเด็นการส่งเสริมการเกษตรสมัยใหม่และการใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูก เพื่อต่อยอดขยายผลผลิตภัณฑ์จากโครงการฯ ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยนายเศรษฐา เข้าเยี่ยมชมโครงการศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดําริ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายถึงประเด็นการส่งเสริมการเกษตรสมัยใหม่และการใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูก ซึ่งจากข้อมูลของโครงการศูนย์ฯ บ้านไร่ฯ พบว่า ไทยมีศักยภาพในหลายปัจจัย เช่น สภาพภูมิประเทศทั้งพื้นราบและที่สูงสามารถผลิตได้ทั้งไม้ดอกไม้ผลได้หลากหลาย เนื่องจากมีความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งสามารถพัฒนาเป็นพันธุ์พืชชนิดใหม่ ๆ ได้อีกมาก ซึ่งศูนย์ฯ บ้านไร่ฯ เป็นพื้นที่สำคัญในการพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกและไม้ผลให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่โครงการพระราชดำริ นำกล้าไม้ไปปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่ตลาด รวมถึงยังหาตลาดให้กับเกษตรกรที่อยู่ในโครงการด้วย
โดยตัวอย่างพันธุ์พืชที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จในปัจจุบัน คือ พืชกลุ่มปทุมมา และกลุ่มกระเจียว หรือที่ต่างชาตินิยมเรียกว่า “สยามทิวลิป” ซึ่งมีการคิดค้นสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มีสีสันสวยงาม จนเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของภาคเหนือในปัจจุบัน รวมไปถึง กล้วยไม้แวนด้า ดอกไฮเด็นเยียร์ และล่าสุดมีการส่งเสริมการปลูกต้นวาซาบิ ที่สามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละกว่า 10,000 บาท
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเยี่ยมชมครั้งนี้ถือเป็นการ Kickoff จุดเริ่มต้นที่ดีในการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาครัฐ และภาคเอกชน ในการร่วมกันพัฒนาสินค้าทางการเกษตรของไทยที่มีศักยภาพ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาสยามทิวลิป ซึ่งอยู่ที่การนำเสนอไม้ดอกไม้ผลอย่างไรให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องให้เกษตรกรทุกรายสามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภค ยกระดับรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน