จ่อฟันหลายข้อหา เจ้าของสิงโตพานั่งรถเปิดประทุนชมวิวเมืองพัทยา

จ่อฟันหลายข้อหา เจ้าของสิงโตพานั่งรถเปิดประทุนชมวิวเมืองพัทยา

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปชายชาวต่างชาติขับรถสปอร์ตสุดหรูเปิดประทุนพาสิงโตนั่งรถสุดชิลล์ชมเมืองพัทยา พร้อมแคปชั่นระบุว่า “ที่นี่พัทยา”

โดยผู้โพสต์ได้อธิบายในคลิปบอกว่า “พี่น้องจ๋า มาดูสิงโต น่าจะเชื่อง น่าจะรู้เรื่องมากๆ เจ้าของเขาเป็นชาวต่างชาติที่ร่ำรวยในพัทยา มักจะพาสิงโตขับรถเล่นตากแดดจากลมช่วงเย็น”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาคอมเม้นท์และตั้งคำถามว่า สิงโตไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทั่วไป สามารถพาออกมาในที่สาธารณะได้ด้วยหรือ?

ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางกรมอุทยาน ตรวจสอบแล้ว ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.2 ได้ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งครอบครองสิงโตในพื้นที่ จ.ชลบุรี โดยตรวจสอบไมโครชิพ พบว่า ลูกสิงโตที่นำไปโชว์ในรถหรูขับในพื้นที่พัทยา เป็นลูกสิงโตที่แจ้งครอบครองในพื้นที่ สบอ.3 อ.บ้านโป่ง ราชบุรี โดยคนไทย คือ น.ส.สว่างจิต (สงวนนามสกุล)

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่ง น.ส.สว่างจิต คงเคลื่อนย้ายลูกสิงโตมายังพื้นที่พัทยา โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลงสถานที่ครอบครอง แต่ว่าเจ้าตัว ได้ดำเนินการขอโอนการครอบครองไปยังพื้นที่ จว.ชลบุรี สบอ.2 แล้ว แต่เนื่องจากเอกสารไม่ครบถ้วน อยู่ระหว่างการส่งเอกสารเพิ่มเติม สำหรับเคสนี้พบว่าคนขับเป็นชาวต่างชาติ “ชาวอินเดีย” เป็นเพื่อนของ น.ส.สว่างจิต

ต่อมาวานนี้ (23 ม.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น.ฝ่ายสืบสวน ตม.จ.ชลบุรี ได้ประชุมเพื่อหารือแนวทางในการป้องกันและดำเนินการตรวจสอบรวมถึงดำเนินคดีหากพบการกระทำความผิด โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปถึงการดำเนินการกับผู้ครอบครองสิงโต

จากนั้นเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของ Mr.Vaikundar สัญชาติ ศรีลังกา ในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่า Mr.Vaikundar เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2567 โดยที่ยังไม่ไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย อีกทั้งภายในบ้านไม่มีใครอยู่ด้านใน

โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีรั้วล้อมรอบขอบชิด ในรั้วบ้าน พบกรงเลี้ยงสัตว์ 2 กรง กรงแรกมี สิงโต 1 ตัว ส่วนกรงที่สอง มีสุนัข 3 ตัว บ้านถูกปิดเงียบ โดยเจ้าหน้าที่ มีการกดกริ่งเรียกคนในบ้าน แต่กลับไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจพยายามติดต่อกับ Mr.Vaikundar โดย Mr.Vaikundar อ้างว่า รถยนต์ซื้อจากเต็นท์ แต่ยังไม่ได้โอนเนื่องจากยังจ่ายไม่หมด ส่วนสิงโต คนไทยชื่อปูเป้ เป็นคนดำเนินการซื้อจากฟาร์มแถว จ.ราชบุรี และได้ไปยื่นเรื่องกับกรมอุทยานแล้ว แต่ยังไม่ได้โอนเช่นกัน ส่วนบ้านเป็นบ้านเช่า โดยคนไทยชื่อปูเป้เป็นคนติดต่อคาดว่าตนเองจะเดินทางกลับไทยในอีก 15 วัน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า Mr.Vaikundar อ้างว่าการขนย้ายสิงโต เพื่อพาสิงโตไปรักษา และกลัวว่าสิงโตจะข่วนหลังคารถยนต์ซึ่งเป็นผ้าอย่างดีขาด โดยตำรวจประสานให้ Mr.Vaikundar ส่งข้อมูลการพาสิงโตไปรักษามาให้เพื่อตรวจสอบ

ขณะที่ชาวบ้านซึ่งพักอยู่ในคอนโดติดกับบ้านหลังดังกล่าว บอกว่า เห็นชาวต่างชาติผิวสี เลี้ยงสิงโตตัวนี้มานานกว่า 1 เดือน ช่วงเย็นของทุกๆ วัน ชาวต่างชาติผิวสีรายนี้ จะพาสิงโต พร้อมกับสุนัข ขึ้นรถเบนท์ลีย์ แบบเปิดประทุน แล้วพาขับไปตระเวน ย่านชายหาดดงตาล-จอมเทียน โดยช่วงแรกไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร พอได้ยินเสียงร้องคำรามออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวบ่อยๆ จึงใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่าย พอซูมเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นสิงโต ทำให้รู้สึกตกใจมาก และตั้งข้อสงสัยว่า ชาวบ้านทั่วไปสามารถเลี้ยงสิงโตได้หรือไม่ จนกระทั่งมาเป็นข่าวโด่งดังในโลก TikTok ดังกล่าว

ด้านตำรวจ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น พบว่าสิงโตดังกล่าว ถูกลงทะเบียนไว้ ในพื้นที่จังหวัด ราชบุรี โดยมีผู้หญิงไทยเป็นเจ้าของ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในระหว่างการติดต่อ ให้เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเท็จจริงของสิงโต ส่วนชาวต่างชาติที่ปรากฏในคลิป เบื้องต้นเป็นชาวผิวสี คาดว่า เป็นชาวศรีลังกา ส่วนรถหรูเบนท์ลีย์ จากการตรวจสอบทะเบียน พบว่าเป็นรถเช่า มาจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

จนกระทั่งเวลา19.00 น. ได้มีทนายของเจ้าของสิงโตได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่โดยได้แจ้งว่า ได้รับมอบอำนาจจากทางเจ้าของสิงโต มาทำการเจรจากับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะมีการเปิดประตูบ้าน เข้าไปตรวจสอบสิงโต โดยพบว่าเป็นลูกสิงโต เพศเมีย อายุประมาณ 4 เดือน ซึ่งทางเจ้าของสิงโต มีการขอนัดหมาย เข้าพบเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงเอกสารการครอบครอง ในวันนี้ (24 ม.ค.) เวลา 16.00 น. ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งรอเจ้าของนำเอกสารมาแสดงข้อเท็จจริงต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (24 ม.ค.67) ดร.ก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ( ศรีราชา ) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่พบว่า ยังไม่สามารถสแกนหาชิบที่อยู่ในสิงโตเพื่อตรวจสอบความเป็นมาได้

เบื้องต้นพบว่าสิงโตตัวดังกล่าวแต่เดิมอยู่ในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และได้มีการเคลื่อนย้ายมาอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา โดยยังไม่ได้มีการอนุญาตการเคลื่อนย้ายสัตว์ ซึ่งน่าจะมีความผิดในข้อหาดังกล่าว คาดว่าน่าจะมีความผิดกฏหมายในอีกหลายข้อหา

นอกจากนี้มี รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการครอบครองสิงโตส่วนใหญ่จะนำเข้ามาเพื่อเพาะเลี้ยงในสวนสัตว์แต่ตอนหลัง มีการขอนุญาตเพื่อสันทนาการและเลี้ยงในบ้านเหมือนกับสัตว์ป่าในบัญชีไซเตสอื่นๆ ซึ่งราคาที่จำหน่ายกันตกตัวละ 500,000 บาท กำลังเป็นนิยมของกลุ่มชาวต่างชาติและคนไทย ในพื้นที่จ.ชลบุรี มีการแจ้งครอบครองเป็นบุคคลทั่วไปคนไทย 4 ราย และสวนสัตว์ 1 แห่งรวม 15 ตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น