นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กเรื่อง กรณีก้าวไกลกับการแก้ 112 โดยระบุว่า ผมมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคอนาคตใหม่มา ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา ยืนยันว่า การเมืองต้องผสมผสานอุดมคติของเรากับสภาพความเป็นจริงทางการเมือง มีรุก มีถอย ตามการประเมินสถานการณ์ ผมเองก็เคยถอยมาหลายครั้ง เพื่อองค์กร เพื่อการเดินหน้าตามสถานการณ์ เรื่องพรรค์นี้คือ การประเมิน ไม่มีอะไรถูกร้อย ไม่มีอะไรผิดร้อย ดังนั้นการวิจารณ์จังหวะก้าวของพรรคการเมือง จึงอาจมีผู้เห็นด้วย มีผู้เห็นต่าง คนทำพรรค อาจไม่เห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ นับเป็นเรื่องปกติ
"ปิยบุตร" ของขึ้น จวกก้าวไกลยับ โชว์โรดแมปปี 67 ไร้เป้าหมายรื้อ แก้ 112 ปั่นหัวเหล่าส้มตัองกล้าวิจารณ์ศาลรธน.
ข่าวที่น่าสนใจ
นายปิยบุตร ระบุต่อว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงการณ์แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 ผมเข้าใจดีว่าทีมงานของพรรคต้องการจัดแถลงการณ์นี้ขึ้นมา เพื่อต้อนรับการกลับมาของพิธา แต่เมื่อผมเห็นเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ผมเห็นว่าผิดพลาด โดยเฉพาะแผนเสนอร่าง พ.ร.บ.47 ฉบับ โดยไม่มีร่างแก้ไข 112 พรรคอาจไม่ได้คิดว่าต้องพูดเรื่องนี้ แต่สื่อเขาคิดและสื่อถาม จี้ขยายผลว่าสรุป 47 ฉบับในปี 67 ไม่มีแก้ 112 ใช่มั้ย กรณีนี้ส่งผลอย่างไร? 1. ย้ำความคิดว่า เราต้องยอมรับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาอยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติ การเสนอร่างกฎหมาย ต้องฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร? 2. การไม่เสนอและพูดว่าไม่เสนอเพราะรอศาลรัฐธรรมนูญ เสมือนกับส่งสัญญาณ “หมอบ” ก่อนคำวินิจฉัยในวันที่ 31 นี้ 3. หากพรรคก้าวไกลคิดแบบเฉลียวเจ้าเล่ห์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องแถลงในวันนี้เลย อดใจรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 31 มกราคมนี้ก่อนก็ได้ เผื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหา ”ทางลง“ ให้พรรคก้าวไกล ด้วยการตีกรอบการแก้ 112 ไว้ ต่อไปพรรคก้าวไกลก็พูดตอบประชาชนโหวตเตอร์ได้ว่า แก้ 112 ไม่ได้ เพราะแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้
แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุอีกว่า ผมไม่ได้ไร้เดียงสา ถึงขนาดว่าจะต้องแก้ 112 ให้ได้ จะต้องทำเรื่องนี้อย่างเดียว โดยไม่ต้องทำเรื่องอื่น ผมตระหนักดีถึงการรุก/รอ/ถอย แต่ผมเห็นว่า การเคลื่อนตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม ที่ศาลจะตัดสิน ที่ทำๆกันนั้น ไม่ได้คิดประเมิน รุก ถอย บริหารจัดการความคาดหวังคนเลือก แต่มุ่งไปในทิศทาง ”หมอบ“ เสียมากกว่า ด้วยคิดว่าจะช่วยทำให้รักษาพรรคได้ แล้วพอเป็นแบบนี้ ก็เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่เขารอ “เอาคืน” จากการที่พวกเขาถูกหาว่าตระบัดสัตย์ ผมคาดเดาไว้แล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบใด ผมได้แต่หวังว่า คณะผู้นำพรรคก้าวไกลทั้งหมด จะประเมินเรื่องทั้งหมดให้รอบด้าน โดยมิได้ตั้งเป้ารักษาพรรค และกรรมการบริหารพรรค จนถึงขนาดต้องแลกกับทุกอย่าง ผมคาดหวังว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้ว จะได้ยินเสียงการวิจารณ์จากพรรคก้าวไกลบ้าง หากพรรคก้าวไกลไม่วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเลย ผมจะออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกลเป็นคนแรกๆแน่นอน และผมจะวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตามปกติครรลองของกระบวนวิชาการตามที่ผมฝึกฝนมา นายปิยบุตร ทิ้งท้ายว่า ปล. ดักคอกองเชียร์พรรคก้าวไกลไว้ก่อน ที่จะมาด่าว่า ทำไมผมไม่ไปบอกก่อน ไม่คุยภายใน ผมไม่รู้เรื่องที่พวกเขาทำกัน ผมเป็นคนนอก รู้เรื่องก็จากการอ่านข่าว รู้พร้อมๆกับประชาชนคนทั่วไปที่ดูจากสื่อนั่นแหละ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง