สองสถาบันหลักของชาติ ที่ “พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า” จ้องตาเป็นมัน ที่จะต้องขย่มให้ได้นั้นคือ สถาบันพระมหากษัตริย์กับเหล่ากองทัพ ที่ดูแลความมั่นคงของประเทศ ในสายตา “พรรคก้าวไกล” ไม่รู้ไปแค้นฝังหุ่นมาจากไหน จึงมักพ่นวาทกรรม “ทหารมีไว้ทำไม” แขวะกองทัพไทยอยู่เสมอ ยิ่งกางไส้ในนโยบายพรรคก้าวไกลแล้ว ล้วนแต่สวนทางกับฝ่ายความมั่นคงทั้งสิ้น อาทิ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคก้าวไกล ชูความเป็น “ปาตานี” ยุบ “กอ.รมน.” หรือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ยิ่งได้ฟังคำพูดที่มีแนวคิดแอบแฝง ต้องการหั่นปลายด้ามขวานไทยออกเป็น 2 ส่วน ของผู้นำจิตวิญญาณแล้ว ต้องขนลุก! เพราะทั้ง “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคณะก้าวหน้า และ “รอมฎอน ปันจอร์” ส.ส.พรรคก้าวไกล สนับสนุนแนวทางแบ่งแยกดินแดนของ “ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ” ที่เรียกตัวเองว่า “เปลาจาร์ บังซา” ซึ่งเคยการจัดเสวนาปลุกระดมท้าทายฝ่ายความมั่นคง พร้อมแจกเอกสาร เพื่อลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราช เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่ห้องประชุมศรีวังสา ตึกรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หรือ ม.อ.ปัตตานี
ยิ่งล่าสุด นายธนาธร ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้วแต่บรรดาลิ่วล้อพรรคก้าวไกล พยายามหาช่องทางเพื่อดึงผู้นำพรรคก้าวไกล เข้ามาจุ้นการเมืองให้ได้ ด้วยการประเคนเก้าอี้ “กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในหน่วยงานอื่น” สอดรับการเคลื่อนไหวตรวจสอบจับผิดกองทัพมาโดยตลอดอยู่แล้ว ในทางการเมืองมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า “ต้องการมาทุบหม้อข้าวกองทัพ”
อาทิ สถานีโทรทัศน์ของกองทัพบก หรือ ช่อง 5 กระบอกเสียงของฝ่ายความมั่นคง ที่จะสื่อสาร หรือชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน , สนามมวยของกองทัพบก หรือ ที่รู้กจักกันในชื่อ สนามมวยเวทีลุมพินี ภายในศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก ถนนรามอินทรา บนเนื้อที่ 6 ไร่ งบประมาณก่อสร้าง 380 ล้านบาท หรือ สนามกอล์ฟกองทัพ เช่น กานตรัตน์ (สนามงู) และสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ที่อยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศ ถึงขนาด พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ แสดงความเป็นห่วงว่า หากดึงสวัสดิการของกองทัพคืนไปให้รัฐบาลจริง เป็นห่วงว่าจะมีคนตกงานถึง 2,000 คน ก็ต้องหางานอื่นมารองรับคนเหล่านี้ ยังไม่รวมถึง ที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกองทัพอีกมากมายคิดเป็นมูลค่ามหาศาล