คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอกวาดอร์ ลงมติเมื่อวันพุธ (8 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่นด้วยคะแนนเสียง 7 เสียงจาก 9 เสียง อนุญาตให้แพทย์ช่วยเหลือผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา จากไปอย่างสงบ หรือ การุณยฆาตได้ โดยที่แพทย์ไม่ถูกดำเนินคดีและลงโทษฐานฆาตกรรม เพื่อรักษาสิทธิในการมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีของผู้ป่วย
คำพิพากษานี้มีขึ้นหลังจาก เปาลา โรลดัน ผู้ป่วยติดเตียงที่ทุกข์ทรมานจากโรค ALS หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยื่นคำร้องเมื่อเดือนสิงหาคม โต้แย้งมาตราหนึ่ง ในประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดว่า กระบวนการการุณยฆาต ถือเป็นฆาตกรรม มีโทษจำคุก 10-13 ปี เธอให้การต่อศาลที่เปิดไต่สวนผ่านวิดีโอลิงก์เมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า สิ่งที่เธอเผชิญอยู่คือความเจ็บปวด โดดเดี่ยวและทารุณ และเธอต้องการจากไปอย่างสงบ
ศาลระบุในคำพิพากษาว่า การบังคับให้คนที่กำลังประสบสถานการณ์เช่นนี้ มีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล มนุษย์ทุกคนสามารถตัดสินใจได้อย่างเสรี และคิดมาดีแล้วถึงพัฒนาการส่วนบุคคล รวมถึงทางเลือกที่จะยุติความทุกข์ทรมานแสนสาหัส จากการบาดเจ็บหรือป่วยไข้ร้ายแรงและไม่มีหนทางรักษา
ศาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่างกฎระเบียบสำหรับขั้นตอนการุณยฆาต ภายใน 2 เดือน และให้สำนักงานผู้ตรวจการณ์แผ่นดิน ร่างกฎหมายว่าด้วยการุณยฆาต ภายใน 6 เดือน และส่งสภาเพื่ออนุมัติภายใน 1 ปี แต่ทนายความของโรลดัน ยืนยันว่า คำพิพากษานี้มีผลบังคับใช้ทันที
ด้าน พ่อของผู้ป่วย บอกผู้สื่อข่าวว่า พอใจที่เปาลา บรรลุความตั้งใจและถือเป็นมรดกสำหรับสังคมเอกวาดอร์ แต่ครอบครัวก็อดใจหายไม่ได้ เพราะผลพิพากษาหมายถึงการจากไปของลูกสาว แต่พวกเราสนับสนุนเธอ
เอกวาดอร์ เป็นประเทศที่สอง ที่ปลดล็อกการุณยฆาตไม่ใช่อาชญากรรม ต่อจากโคลอมเบีย ปัจจุบัน ส.ส.ในอรุกวัย และชิลีก็กำลังอภิปรายประเด็นนี้กันอยู่ ส่วนเม็กซิโก มีกฎหมายที่เรียกว่า กฎหมายการตายที่ดี อนุญาตให้คนไข้หรือครอบครัว ถอดเครื่องพยุงชีพได้
ประเทศที่มีกฎหมายรับรองการุณยฆาตแล้ว รวมถึง เบลเยี่ยม แคนาดา ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สเปน และหลายรัฐในออสเตรเลีย ส่วนในสหรัฐอเมริกา มีหลายรัฐที่อนุญาตช่วยจบชีวิต โดยคนไข้ให้ยาตัวเองตามใบสั่งแพทย์
ภาพ