“ส.ว.”รุมซัด”ก้าวไกล”สั่งสอนหัวโจกป่วน “ขบวนเสด็จฯ”ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

"ส.ว."รุมซัด"ก้าวไกล"ปั่นหัวสาวก สั่งสอนหัวโจกป่วน "ขบวนเสด็จฯ"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จี้ยกเครื่องทีมอารักขาราชบัลลังก์

การคุกคาม “ขบวนเสด็จฯ” เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและย่ำยีความรู้สึกของประชาชนคนไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ประณามการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือพรรคการเมืองบางพรรค จนถึงประชาชน เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และที่สำคัญเราอยู่บนผืนแผ่นดินไทยที่มีพระมหากษัตริย์ที่คนไทยเคารพเทิดทูนบูชา การกระทำที่จาบจ้วงล่วงละเมิดเกินกว่าคนไทยจะรับได้ แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ใครก็ตามที่สนับสนุนเห็นด้วย เราต้องช่วยกันประณามและ ตะโกนออกมาดังๆ ให้คนพวกนี้ไม่ทำอีก ไม่ให้มีที่ยืนในสังคม ใครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นผู้ปกครองต้องสั่งสอนลูกตัวเอง อบรมให้เข้าใจวิถีชีวิตของความเป็นไทย เรื่องนี้ทุกภาคส่วนไม่มีใครยอมรับ” เป็นคำพูดของ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา สั่งสอน “น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” หรือ “ตะวัน ทะลุวัง” ผู้ต้องหาคดี 112 หัวโจกป่วนขบวนเสด็จฯ

ทั้งนี้ การที่ผู้กระทำอ้างว่าไม่ทราบเป็นขบวนเสด็จฯ ถือว่าฟังไม่ขึ้น เพราะใครก็รู้ได้ว่าเป็นขบวนเสด็จ และผู้กระทำก็มีพฤติกรรมสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งแล้ว และภายหลังเหตุการณ์มีการปะทะกันรุนแรงของผู้เห็นต่าง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่การประณามด้วยวิธีการที่ไม่มีความรุนแรงเป็นเรื่องที่กระทำได้ โดยการกระทำดังกล่าวต้องแยกส่วนกับความต้องการช่วยเหลือเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำด้วยคดีมาตรา 112 เอามาปะปนกันคนละเรื่อง คนละประเด็น ไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังได้

และเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องสากล ที่บุคคลคนสำคัญต้องมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “ขบวนเสด็จฯ” ลำพังอย่าใช้ข้อกฎหมายอย่างเดียว สังคมในประเทศนี้ ประชาชนทุกคนที่เคารพนับถือสถาบัน ต้องลุกขึ้นมาตะโกนพร้อม ๆ ก่อน และประณามการกระทำ จะเป็นการยับยั้งการกระทำของบุคคลที่จาบจ้วง ล่วงละเมิด

นายวันชัย กล่าวต่อว่า เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ 20 ปี อะไรที่จบได้ควรจบ อย่าให้เป็นบาดแผลในสังคมไทย จบแล้วก็มาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะบรรยากาศทางการเมืองขนาดนี้เหมาะกับการนิรโทษกรรม การโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นปฐมบทของความสมานฉันท์ เป็นเหมือนการนิรโทษกรรมแดง-เหลือง แล้วมาร่วมกันเป็นรัฐบาล

เพราะฉะนั้นควรทำเป็นรูปธรรมทางกฎหมายอย่าสักแต่พูดประเด็นเรื่อง 112 ต้องมีคณะกรรมการพิจารณาร่วมกันหาความพอดีทางกฎหมายอย่าปล่อยให้คาราคาซังราคา เราหาความพอดีหาข้อยุติได้ เชื่อว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลพิจารณาได้ว่าเรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่อ่อนไหวสำคัญ ควรรู้วิธีการทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์

ทั้งนี้การปะทะกันของกลุ่มคนที่เห็นต่างถือเป็นความ ปกติในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต การจะทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย รัฐบาลต้องยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ เคยพูดเรื่องความปรองดองในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน แต่พอเป็นรัฐบาลแล้วลอยนวลดึงเวลาไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลที่พึงจะทำ ดังนั้นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ควรเอาเรื่องสมานฉันท์เป็นหัวใจในการผลักดันไม่ใช่พูดแต่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความสมานฉันท์แต่จะมีความขัดแย้งมากขึ้น

ด้าน “นายสมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อ้างว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ มี พ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย ปี 60 สามารถใช้ได้ทันที สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยความมั่นคง ควรใช้กฎหมายที่มีอยู่ และประมวลกฎหมายอาญาดำเนินการกับผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง ไม่เกิดความขัดแย้ง ขอให้เยาวชนที่เห็นต่าง ซึ่งอาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้เกิดความเกลียดชังนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ต้องเรียกร้องไปยังพรรคการเมือง โดยเฉพาะ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาไม่เห็นด้วย เพราะมวลชนเหล่านี้เป็นผู้เชื่อมโยง ศรัทธา เคลื่อนไหวมาตรา 112 มีเจตนาซ่อนเร้น พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เหมาะไม่ควร และเป็นการคุกคามที่คนไทยรับไม่ได้

ทั้งนี้ขอเตือนพรรคก้าวไกล แม้จะเห็นความรุนแรงของมวลชนที่เกิดขึ้นทั้งสองฝั่ง แต่พรรคก้าวไกลต้องแสดงให้สังคมและประชาชนเห็นว่ามีความจงรักภักดี มีความเชื่อมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บอก สส. และพรรคของท่าน มวลชนของท่านว่าการกระทำไม่ถูกต้อง ขอให้ยุติทั้งหมด ทั้งการกระทำบนท้องถนน บนเวที ในสภา-นอกสภา และในโซเชียล สนับสนุนให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินตามการกฎหมายอย่างเข้มงวด

นายสมชาย กล่าวอีกว่า คนที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ไปประกันตัวและยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ ก็จะเห็นความเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นการกระทำที่เกิดจากการเร้าของพรรคการเมืองทางความคิด ความเชื่อที่ผิดๆ ไม่หวังดีกับประเทศ ทั้งที่ท่านทำงานหนัก มาตรการปิดถนนได้มีการปรับจะเห็นว่าท่านทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งท่านรับรู้ถึงการจราจร เสด็จไปพร้อมขบวนรถของประชาชน ปิดเส้นทางเท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ ขอเรียนฝ่ายค้านว่า อย่าพูดแต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำว่าท่านเป็นพรรคการเมืองที่จงรักภักดีอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ประมุข เลิกการเคลื่อนไหวนิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดี 112 และแก้ไข 112 จะเห็นว่าเยาวชนหรือคนหนุ่มสาวที่หลงเชื่อ หลงผิด เคลื่อนไหวในทิศทางที่รุนแรงก้าวร้าว กระทำความผิดซ้ำมากขึ้น นี่คือชนวนเหตุเล็กๆ ที่อาจจะนำไปสู่ความรุนแรง หลายคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม จะเห็นว่าเริ่มต้นจากความเกลียดชังของสังคม หากเรายังไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาเราจะเสียใจในอนาคต แล้วคนที่รับผิดชอบคือคนในยุคนี้และพรรคก้าวไกล

#ขบวนเสด็จฯ #ก้าวไกล #ตะวัน ทะลุวัง #พิธา #ส.ว.สมชาย แสวงการ #ส.ว.วันชัย สอนศิริ #112

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ
“บิ๊กน้อย” การันตี แจงแทน “บิ๊กป้อม” ไม่โทรให้ใครช่วย “สามารถ”
“ไอซ์ รักชนก” เตรียมระทึกอีก ศาลนัดฟังคำสั่งถอนประกัน 11 ธ.ค.นี้ ลุ้นชี้ชะตาจะรอดคุกหรือไม่
ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่อุทยานขุดพรุน 14 ไร่ หาแร่ทองคำล้ำค่า เจ้าหน้าที่บุกจับแจ้ง 6 ข้อหาอ่วม
“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อมีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล หยันหากมีก็แค่ ‘กองเชียร์ส้ม’ ในคราบอนุรักษ์นิยม
“ทนายสายหยุด” หน้าชา! “ทนายเดชา” ซัดคบไม่ได้-ขายลูกความ ไม่เชื่อ “ทนายตั้ม” ค้านประกันเมีย
รองพ่อเมืองกรุงเก่า ร่วมงานวิ่ง 'CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY 2024' มอบรายได้แก่ 4 โรงพยาบาล ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
ซีพีเอฟ คว้า 2 รางวัล Excellence Awards 2024 เป็นเลิศด้านการตลาด-ด้านสินค้าและบริการ
ดีเอสไอ คุมตัว ‘สามารถ-แม่’ ยื่นฝากขังอศาลอาญา ด้านแม่ ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม ลั่นถูกกลั่นแกล้ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น