เกิดเหตุกราดยิงบนชานชาลารถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย ผู้ต้องสงสัยยังคงลอยนวล
เมื่อวันจันทร์ เวลาประมาณ 16.47 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น หรือราวตี 4.47นาฬิกา เช้านี้ตามเวลาประเทศไทย ได้เกิดเหตุกราดยิงขึ้นที่ชานชาลารถไฟใต้ดินของสถานี เมาท์ อีเดน แอฟเวอนิว ในย่านบรองซ์ของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากไทม์สแควร์ของแมนฮัตตันไปทางเหนือราว 14 กม. ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่พนักงานออฟฟิศและเด็กนักเรียนเริ่มเดินทางกลับบ้าน
โฆษกตำรวจนิวยอร์ก(NYPD) แถลงว่า เมื่อตำรวจมาถึงพบผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 35 ปีที่เกิดเหตุ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ชายอายุ 28 ปี ถูกยิงที่แขนขวา ชายอายุ 15 ปี ถูกยิงที่หูและต้นขา และชายอายุ 71 ปีถูกยิง นอกจากนี้ ยังมีผู้หญิงอีก 2 รายที่ได้รับบาดเจ็บ โดยรายหนึ่งเป็นหญิงอายุ 29 ปีถูกยิงที่ใบหน้าและลำคอ และเด็กหญิงอายุ 14 ปีถูกยิงที่เท้า ทั้ง 5 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ และอาการทรงตัว
การสืบสวนต่อมา ไมเคิล เคมเปอร์ หัวหน้าฝ่ายขนส่งของตำรวจนิวยอร์กกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุกราดยิงเกิดขึ้นจากวัยรุ่น 2 กลุ่มที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยวัยรุ่น 2 กลุ่มนั่งอยู่บนขบวนรถไฟ เมื่อรถไฟแล่นมาถึงสถานีและประตูเปิดออก ได้มีวัยรุ่นในกลุ่มนั้นอย่างน้อย 1 หรือ 2 คน หยิบปืนออกมายิง ตำรวจได้ประณามเหตุดังกล่าว ที่ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อ และให้คำมั่นว่า จะจับคนผิดมาลงโทษ
นางเอฟเรน เฟลิเซียโน วัย 61 ปี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุบอกเล่าเหตุการณ์ว่า เธอเห็นกระสุนถูกยิงออกมาทั่วไปหมด และเห็นประกายไฟจากกระสุนที่กระทบกำแพง ทุกคนในเหตุการณ์ต่างแตกตื่น และผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มเด็กก็กรีดร้อง
ทั้งนี้เหตุกราดยิงในรถไฟใต้ดินของนิวยอร์กเกิดขึ้นไม่มากนัก เมื่อเทียบกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐ โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2565 เมื่อชายคนหนึ่งยิงคนบนรถไฟจนได้รับบาดเจ็บ 10 คนในย่านบรูคลิน ซึ่งนายกเทศมนตรีเอริก อดัมส์ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้สัญจรที่วิตกกังวล ด้วยการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีรถไฟใต้ดิน