ในที่สุดกรรมตามสนอง”ด็อกเตอร์ยุกติ มุกดาวิจิตร” อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีที่ถูกแจ้งความโยงโพสต์ทวิตเตอร์กับปมข่าวลือ ร.10 ประชวร เมื่อปี 2564 สำหรับกระบวนการนัดฟ้องคดี “ด็อกเตอร์ยุกติ” ได้ให้ความเห็นโดยระบุว่า ตนไม่ผิดคาดที่จะมีการฟ้องดำเนินคดีในวันนี้ จริง ๆ แล้วการแจ้งความดำเนินคดี112 กับประชาชนเป็นนโยบายในยุคสมัยของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งจากรูปคดีของตน ไม่ควรที่จะมีการดำเนินคดีแต่แรกด้วยซ้ำ แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลมาก็ยังมีการดำเนินคดีอยู่ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ก็ไม่ได้มีความจริงจังในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายนี้หรือไม่ได้มีความจริงจังเกี่ยวกับผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้กระบวนการยุติธรรมมันผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม “ด็อกเตอร์ยุกติ” กล่าวต่อว่า การที่บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นตนจึงหวังว่าจะมีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมคดีการเมืองในทุกลักษณะ เพื่อเป็นการคลี่คลายปมปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมาอย่างยาวนาน
“ด็อกเตอร์ยุกติ” นับเป็นนักวิชาการแนวร่วมขบวนการ3นิ้วล้มสถาบันพระมหากษัตริ์ย ครั้งหนึ่งเคยถูก “นายอัษฎางค์ ยมนาค” นักวิชาการอิสระสอนมวยชุดใหญ่มาแล้ว เพราะ “นายอัษฏางค์” เห็นว่า “ด็อกเตอร์ยุกติ” เป็นถึงนักวิชาการสังคมวิทยาและมนุษยวิทยาแต่ดันมีแนวคิดต่อต้านศาสนาได้อย่างไร
ปมร้อนฉ่าที่ปะทะกันทางความคิดเรื่อง ต่อต้านศาสนา จุดชนวนจาก “ดร.ยุกติ” ดันไปกล่าวว่า “หากพวกคุณมาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วยังคิดอยู่ว่า พุทธศาสนาสอนทุกอย่างไว้หมดแล้ว ก็จงลาออกไปบวช เพราะมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา”
ในฐานะนักประวัติศาสตร์ “นายอัษฏางค์” ถึงกับของขึ้นกับแนวคิดหลุดโลกของ “ดร.ยุกติ” ถึงกับตอบโต้ทันควันว่า “มหาวิทยาลัย มีพัฒนาการมาจากโรงเรียนโรงเรียน มีพัฒนาการมาจากวัดในพุทธศาสนา สุดท้ายมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา ได้อย่างไร ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสา คงคือ ดร.ยุกติ น่าจะเป็นคนที่พูดหรือคนที่มีทัศนะคติเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนามากกว่า มาดูกันซิว่าสาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เรียนเกี่ยวกับอะไร และทำไมอาจารย์ยุกติ ทางด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาต่อต้านศาสนา
“ดร.อัษฏางค์” งัดตำราสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาเรียน สวนหมัดต่อทันทีว่า คุณต้องทำความเข้าใจโครงสร้าง ความสัมพันธ์ทางสังคมและชีวิตของมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายสังคมหรือบุคคลที่ต่อต้านศาสนา คือบุคคลที่นิยมการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งความจริงแล้ว ผู้นำทางการเมืองและระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์นั้นแหละ คือศาสดาของศาสนา และระบบควบคุมที่สมาชิกให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบต่างๆ เหล่านั้นก็คือศาสนาอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน เป็นศาสนาสังคมนิยมคอมมิวนิสต์นั้นเอง
หน้าที่ของวิชาสังคมวิทยาในการศึกษาศาสนา ได้แก่ เข้าใจบทบาทศาสนาในสังคม , เข้าใจความหลากหลายและพลังทางสังคมและอิทธิพลที่สร้างขึ้นมา , วิชาสังคมวิทยาเป็นวิชาที่เพิ่งเกิดมาประมาณ 100 ปีที่ผ่านมานี่เอง ดังนั้นอาจเปรียบได้เหมือน ให้เด็กเล็กๆ ไปอธิบายความเชื่อเดิมที่มีมาหลายพันปีจึงเกิดปัญหาความเดียงสาที่ไม่รู้ถึงแก่นแท้ตามมา
ดังนั้นจึงเป็นความพยายามของเด็กน้อยที่พยายามจะเทียบชั้นของบรมครู ด้วยความพยายามอธิบายความเชื่อเดิมที่มีมาหลายพันปี ซึ่งตนเองไม่เข้าใจอะไรเลย สังคมป่วย วุ่นวาย ผิดเพี้ยน เพราะมีครูอาจารย์ และผู้นำสังคม ที่ป่วยโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองป่วย แต่กลับคิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะที่จะมาเปลี่ยนโลกปัญหาเร่งด่วนที่รัฐควรดำเนินจัดการทันที คือจัดการกับบุคคลผู้ที่แนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
นอกจากมวยคู่เดือดระหว่างนักวิชาการไม่แค่คู่ “ดร.อัษฏางค์”ปะทะ “ดอกเตอร์หลุดโลก” ที่มีแนวคิดล้มสถาบันและต่อต้านศาสนามาแล้ว ยังมีอีกคู่ที่วิ่งสู้ฟัดกันมาตลอด ระหว่าง “อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร” แห่งภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการที่ออกโรงมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กล้าปะฉะดะ “นักวิชาเกิน” ล้มเจ้ามานักต่อนัก อาทิ “นายณัฐพล ใจจริง” รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้เขียนหนังสือล้มเจ้า 2 เล่ม คือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” จัดพิมพ์โดย “นายธนาพล อิ๋วสกุล” สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน “ดร.ไชยันต์” เคยชำแหละหนังสือล้มเจ้า 2 เล่มดังกล่าวโดยนักวิชาเกิน โดย “อาจารย์ไชยันต์” ถึงกับฟันธงไปเลยว่าเป็นเป็นนิยายตัดแปะบิดเบือนประวัติศาสตร์ไทย
#ยุกติ มุกดาวิจิตร#อัษฎางค์ ยมนาค#112