"พวงเพ็ชร" จ่อถก "DE" เตรียมปิด 1,300 ร้านออนไลน์ ลักลอบขาย “บุหรี่ไฟฟ้า” พบเด็กแห่ซื้อเพียบ
ข่าวที่น่าสนใจ
ดร.พวงเพ็ชร มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ที่พบว่ามีกลุ่มผู้เสพเป็นเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าด้วยตนเอง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่ารูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้า มีลักษณะดึงดูดกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งรูปลักษณ์ที่เป็นลายการ์ตูน สีสันสดใส มีการดัดแปลงกลิ่นผลไม้หลากหลาย ขณะที่มีการวางจำหน่ายในที่ชุมชน หาซื้อได้ง่าย และยังพบว่ามีการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ สคบ. เร่งดำเนินการตรวจสอบ และหารือที่ประชุมเพื่อหาแนวทางการป้องกันการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน
“นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กำจัดและป้องกันการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและระบบทางเดินหายใจ ยิ่งปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายผ่านออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม ดิฉันจึงได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเร่งปิดช่องทางการลักลอบค้าบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ที่เราตรวจสอบเบื้องต้นได้ประมาณ 1,300 บัญชี จาก ทุกแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันจะมีการลงพื้นที่เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป” ดร.พวงเพ็ชร กล่าว
ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยมีกฎหมายควบคุม ประกอบด้วย 1) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร 2) คำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” 3) พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 เพราะน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินเป็นส่วนประกอบ หากสูบในพื้นที่ห้ามสูบตามกฎหมาย ตามมาตรา 67 จะมีฐานความผิดการห้ามสูบในที่สาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง